วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

จิตสำนึกเพื่อส่วนรวม


จิตสำนึกเพื่อส่วนรวม
                การที่มนุษย์ได้พัฒนาตนเองจากความเป็นสัตว์โลกที่ป่าเถื่อนและเห็นแก่ตัวมาเป็นสัตว์สังคม ทั้งยกระดับเผ่าพันธุ์เป็นสัตว์สังคมชั้นสูง และสัตว์ประเสริฐ อันเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ดำรงเผ่าพันธุ์ได้อย่างแพร่หลาย ไม่สูญพันธุ์ไปเหมือนกับสัตว์บางชนิด ก็เพราะมนุษย์มีคุณสมบัติพิเศษนั่นก็คือ การมีจิตสำนึกที่ดีเพื่อส่วนรวม

                จิตสำนึกเพื่อส่วนรวมโดยทั่วไปนั้น หมายถึง การมีความรับผิดชอบต่อสังคมหรือการให้ความสำคัญกับส่วนรวม หรือสิ่งอันเป็นสาธารณะสมบัติ เช่น ป่าไม้ แม่น้ำลำธาร ทางสาธารณะ สวนสาธารณะ ไฟฟ้าสาธารณะ ทางหลวง ตลอดจนของหลวงและประเทศชาติบ้านเมือง เป็นต้น ไม่เห็นแก่ตัวทำลายล้างให้จนเสียหายเสื่อมโทรม สูญสิ้น ในทัศนะของพระพุทธศาสนานั้น จิตสำนึกเพื่อส่วนรวมหมายถึง จิตที่ประกอบด้วยความเอื้อเฟื้อเกื้อกูล หรือความคิดที่มุ่งที่จะทำแต่ประโยชน์เกื้อกูลทั้งแก่ตนและผู้อื่น ตลอดจนสาธารณะทั่วไป โดยมีเมตตาจิต (ปรารถนาดี) และกรุณาจิต (ความคิดร่วมด้วยช่วยแก้ปัญหา) เป็นพื้นฐาน ผู้ที่ปลูกจิตสำนึกเพื่อส่วนรวมให้เจริญงอกงามในจิตใจได้มากเพียงใด ย่อมสามารถแก้วิกฤตปัญหาความเห็นแก่ตัว ทำให้เป็นคนเสียสละ อุทิศตนทุ่มเททำงานเพื่อผลประโยชน์ต่อส่วนรวม ได้มากเพียงนั้น
                การปลูกจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม ตามวิถีแห่งพุทธธรรม แนวทางหนึ่งก็คือ การประพฤติปฏิบัติตาม “หลักสังคหวัตถุธรรม หรือ หลักแห่งการสงเคราะห์ ๔ ประการ” กล่าวคือ
                ๑. ทาน คือการให้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เสียสละ แบ่งปันสิ่งของ ตลอดถึงให้ความรู้และแนะนำสั่งสอน ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการแย่งอาหารกันกิน แย่งถิ่นกันอยู่ แย่งคู่กันสังวาส และแย่งอำนาจกันครอบครอง ในสังคมส่วนรวมได้
                ๒. ปิยวาจา การกล่าวคำสุภาพ ไพเราะอ่อนหวาน สมานไมตรี และคำที่มีแต่ประโยชน์ ซึ่งจะทำให้เกิดความรักความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้ง การโต้เถียง บาดหมาง และการทะเลาะวิวาทในหมู่คณะได้
                ๓. อัตถจริยา การขวนขวายช่วยเหลือกิจการของหมู่คณะ ดูแลรักษาสาธารณะสมบัติของส่วนรวม และบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์
                ๔. สมานัตตตา ประพฤติตนให้เหมาะสมแก่ฐานะและภาวะที่ดำรงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกของสังคมให้ถูกต้องสมบูรณ์
                มีการกล่าวว่า “วัตถุยิ่งเจริญ คนยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้น” วิกฤตปัญหานี้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการ ปลูกจิตสำนึกที่ดีเพื่อส่วนรวม โดยยึดคติที่ว่า  “อยู่เพื่อตัว อยู่แค่สิ้นลม แต่ถ้าอยู่เพื่อสังคม จะอยู่ชั่วฟ้าดินสลาย”


                การช่วยเพื่อนเหมือนช่วยเราเอง                     เมื่อจิตเพ่งเล็งช่วยทวนสหาย
                ย่อมลดความเห็นแก่ตัวลงมากมาย                  ทุกทุกรายอย่าเขวี้ยงขว้างช่างหัวมัน

"""""""""""""""""""""""""""""