วันที่
๑ มกราคม ของทุกปี เป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวโลกที่ถือเป็นโอกาสเฉลิมฉลองด้วยการจัดกิจกรรมรื่นเริงต่างๆ
หรือไปกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำบุญสุนทาน ด้วยหวังให้ได้พบความสุข
ความสวัสดีในชีวิตในปีใหม่ ในทางพุทธศาสนาถือว่าเรื่องของเทศกาลนั้นเป็นเรื่องที่สมมติกันขึ้นมา
สาระที่แท้จริงอยู่ที่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป
ชีวิตควรจะดำเนินไปอย่างไรจึงจะประสบกับความสุขสวัสดี ได้จริง ในกรณีนี้
พุทธศาสนาได้แสดงทางสู่ความสวัสดีไว้สี่ประการ
๑.โพชฌังคะ
คือดำเนินชีวิตด้วยปัญญา จะทำการสิ่งใดก็พิจารณาให้รอบคอบถี่ถ้วน
ฝึกฝนความคิดให้รู้แจ้งด้วยใจว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดควรเว้น
ทำให้ชีวิตดำเนินไปตามครรลองความถูกต้อง มีสวัสดิภาพและความปลอดภัย
๒.ตบะ
คือมีความเพียรกล้าแข็ง สามารถแผดเผาความชั่วร้ายที่มีอยู่ภายในตน
ไม่ว่าจะเป็นอบายมุข สิ่งเสพติด
แม้ความคิดฝ่ายชั่วที่เกิดขึ้นก็กำราบหักห้ามเสียได้ด้วยกำลังใจอันเด็ดเดี่ยว
๓.อินทรีย์สังวร
คือสำรวมอินทรีย์ คอยระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เอาไว้
เพราะเป็นช่องทางเข้ามาของเรื่องราวต่างๆ ทั้ง ดี ชั่ว ชอบ ชัง
จึงต้องคอยระวังและรู้ทันไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเรื่องราวเหล่านี้
จะดูอะไรหรือฟังอะไรก็ต้องมีสติและใช้เหตุผลประกอบเสมอ
๔.สัพพะนิสสัคคะ
คือสละหรือปล่อยวางสิ่งที่บีบคั้นให้เกิดความทุกข์
ไม่ใช่ปล่อยวางหน้าที่หรือหลีกหนีปัญหา แต่เป็นการแยกความทุกข์ใจซึ่งเป็นเพียงอารมณ์อย่างหนึ่งออกมา
แล้วบริหารจัดการกับปัญหาตามที่ควรจะทำ
การจะส่งท้ายปีเก่าหรือต้อนรับปีใหม่อย่างมีสาระและเกิดคุณค่าได้จริง
ต้องเริ่มจากการปฏิบัติที่ตัวเองนี่แหละ เพราะเรื่องจริงอยู่ที่นี่
ถ้าเรื่องจริงดี เรื่องสมมติที่เป็นส่วนประกอบก็ดีไปด้วย ถ้าเรื่องจริงไม่ดี
จะสมมติหรือยึดถือกันว่าดีแค่ไหน ก็ดีไปตลอดไม่ได้
นี่คือข้อคิดที่ควรพิจารณาเมื่อปีใหม่มาถึงอีกครั้งหนึ่ง
....................................