คำว่า
“ปัจจัย” มีความหมายหลายอย่าง เช่น หนทาง หรือเหตุให้เกิดผลก็ได้ เช่น การศึกษา
เป็นปัจจัยให้เกิดความรู้ความสามารถ หมายถึงเครื่องอาศัยยังชีพที่จำเป็นก็ได้ เช่น
ปัจจัยสี่ คือ เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค หรือโดยปริยาย หมายถึงเงินตรา
คำว่า
“ปัจจัย” ที่หมายถึงเครื่องอาศัยยังชีพนั้น
แต่เดิมคำสอนที่มุ่งประสงค์สำหรับผู้บวชในพระพุทธศาสนา
ได้ถือเป็นหลักปฏิบัติโดยตรง เพื่อตัดภาระในการดำรงชีพให้มีน้อยที่สุด
มิได้สอนสำหรับคฤหัสถ์หรือชาวบ้านซึ่งต้องครองเรือน มีครอบครัว ทำธุรกิจการงานต่างๆ
แต่อย่างใด เพราะฉะนั้นการดำเนินชีวิตของชาวบ้าน
จึงสามารถมีเครื่องอาศัยยังชีพที่สำคัญซึ่งเป็นปัจจัยที่ ๕ ของชีวิตได้
ปัจจุบันมีเครื่องอุปโภคบริโภคนานาชนิด
ที่ผู้ขายพยายามโฆษณาให้เห็นสรรพคุณว่าเป็นสิ่งจำเป็น สมควรยอมรับว่าเป็นปัจจัยที่
๕ ของชีวิต เช่น รถยนต์ โทรศัพท์ โทรทัศน์ และเครื่องคอมพิวเตอร์
ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันว่าเครื่องอุปโภคบริโภคประเภทใดสมควรได้รับการยอมรับว่าเป็นปัจจัยที่
๕ ของชีวิตอย่างแท้จริง
แม้ในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาจะไม่ได้ระบุว่าอะไรเป็นปัจจัยที่
๕ สำหรับชีวิตคฤหัสถ์ หรือชาวบ้านแต่ท่านพุทธทาสภิกขุ พระนักคิด นักเขียน
นักปรัชญา และเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นนักปราชญ์ทางพระพุทธศาสนาได้ให้ข้อคิดว่า
“ธรรมะ” ถือเป็นปัจจัยที่ ๕ ของชีวิตทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์
เพราะธรรมะทำให้คนไม่เบียดเบียนกัน ธรรมะทำให้คนสงเคราะห์เกื้อกูลกันในทางที่ถูก
ธรรมะทำให้คนดำรงตนอยู่ในแนวทางที่ไม่ผิดพลาด กล่าวโดยรวบยอด
ธรรมะทำให้คนประเสริฐกว่าสัตว์เดรัจฉาน
ธรรมะจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นแก่ทุกคนทุกครอบครัว ทุกสังคม ทุกชาติภาษา
และทุกยุคทุกสมัย ทั้งในการดำรงชีวิต การดำเนินธุรกิจการงาน
และการใช้สอยเครื่องอุปโภคบริโภคประจำวัน หากขาด “ธรรมะ” เสียแล้ว
ย่อมส่งผลให้เป็นทุกข์ วุ่นวาย และเดือดร้อนทั่วไป อย่างปฏิเสธไม่ได้
แม้เราจะมีปัจจัย
๔ อย่างสมบูรณ์เหลือเฟือ แต่ถ้าไม่มีธรรมะเป็นปัจจัยที่ ๕ เสียแล้ว ปัจจัย ๔
หรือปัจจัยอีกกี่ร้อยกี่พันก็ไร้ค่า เพราะเราจะหาความสุขจากปัจจัยเหล่านั้นไม่ได้เลย
.............................................