การตักบาตร คือการเอาข้าวและกับข้าวใส่ลงไปในบาตรของพระภิกษุสามเณร
เราจะตักบาตรเป็นประจำทุกวันหรือเฉพาะวันพระหรือวันคล้ายวันเกิดของตนก็แล้วแต่ศรัทธา
กำลังทรัพย์และความสะดวกของตน
การทำบุญตักบาตร
เป็นกิจที่ชาวพุทธนิยมทำกัน เป็นการช่วยสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา
เพราะพระภิกษุสามเณรเป็นผู้สละโลก ไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากจะปฏิบัติศีล สมาธิ ปัญญา
เพื่อขัดเกลาตนเองและนำความรู้ไปแนะนำสั่งสอนพุทธศาสนิกชนให้ประพฤติดีละเว้นความชั่ว
และทำจิตใจให้สะอาดผ่องใส
การทำบุญตักบาตรที่ถือว่าได้บุญมากนั้นจะต้องมีองค์ประกอบ
๓ ประการ คือ
๑.
วัตถุสิ่งของสำหรับทำบุญต้องบริสุทธิ์ หมายความว่า
เงินทองที่นำมาจับจ่ายซื้อสิ่งของมาทำบุญต้องได้มาด้วยความสุจริต
ไม่คดโกงหรือขโมยใครมา เป็นของบริสุทธิ์ ไม่ได้เบียดเบียนชีวิตสัตว์
คือไม่ได้ฆ่าสัตว์มาทำบุญ และวัตถุที่นำมาทำบุญนิยมคัดเลือกของที่มีคุณภาพดี
อย่างน้อยก็ไม่เลวกว่าที่เรากินเราใช้อยู่เป็นปกติ
ชาวพุทธเมื่อจะใส่บาตรจึงนิยมตักบาตรด้วยข้าวปากหม้อ
ถ้าเป็นแกงก็แกงถ้วยแรกที่ตักจากหม้อ
๒.
เจตนาของผู้ถวายต้องบริสุทธิ์ หมายความว่า เจตนาต้องบริสุทธิ์ทั้ง ๓ ขณะ คือ
ก่อนให้ก็ต้องมีจิตศรัทธา เลื่อมใส กำลังให้ก็มีจิตใจผ่องใส ให้ด้วยความเคารพ
และหลังจากให้แล้วก็มีจิตใจแช่มชื่น ไม่นึกเสียดาย
๓.
ผู้รับเป็นผู้มีศีล หมายความว่า บริจาคให้แก่ผู้มีศีลมีคุณธรรม
เรานิยมถวายอาหารและสิ่งของแก่พระภิกษุสามเณร เพราะท่านเป็นผู้ทรงศีล
พระพุทธเจ้าทรงเปรียบพระภิกษุสามเณรผู้มีศีลว่า เป็นบุญเขต แปลว่า นาบุญ
ดังบทสรรเสริญพระสังฆคุณว่า อนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยมของชาวโลก
การทำบุญด้วยการตักบาตรหรือบริจาคทานในโอกาสใดๆ
ก็ตาม ถ้าบริสุทธิ์บริบูรณ์ด้วยองค์ประกอบทั้ง ๓ ประการ ดังกล่าวมานี้
ก็จะได้บุญเต็มเปี่ยม คือผู้ให้ก็สบายใจ ชื่นใจ
นอกจากจะได้สงเคราะห์ผู้รับให้มีกำลังทำความดีต่อไปแล้ว
ยังเป็นการขัดเกลาขจัดความตระหนี่ของตนเองด้วย
ฝ่ายผู้รับเมื่อได้รับการสนับสนุนเช่นนี้ ก็จะมีกำลังในการทำความดีได้โดยสะดวก
เป็นอันว่าได้ช่วยกันสร้างสรรค์ความดีงามให้เกิดขึ้นและแผ่ขยายในวงกว้างต่อๆ
ไปด้วย
........................................