วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2562

ได้สติ


 ได้สติ
                เหตุที่ทำให้คนกลับตัวกลับใจได้ง่ายที่สุดคือการได้สติ การได้สติที่ง่ายที่สุดอย่างหนึ่งก็คือนึกถึงความตาย แต่การนึกถึงความตายนั้น จะทำได้ยากหรือง่ายย่อมขึ้นอยู่กับอัธยาศัยของแต่ละคน ดังที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้โดยเปรียบเทียบกับม้า ๔ ประเภทคือ
                ๑.เพียงเห็นเงาปฏักก็สะดุ้งกลัว สำเหนียกถึงสิ่งที่สารถีสั่งให้ทำ เปรียบได้กับคนที่ได้ทราบข่าวว่าคนโน้นเจ็บ คนนั้นตาย ก็เกิดสังเวชสลดใจ เริ่มเพียรพยายามทำความดี
                ๒.เห็นเงาปฏักอย่างเดียวยังไม่รู้เรื่อง ต่อเมื่อถูกแทงจนถึงขน รู้สึกได้ถึงผิวหนังจึงทำตามคำสั่ง เปรียบได้กับคนที่ต้องเห็นคนอื่นเจ็บหรือตายด้วยตนเองเสียก่อนจึงจะเกิดสังเวชสลดใจ
                ๓.แม้จะถูกปฏักแทงจนถึงขนก็ยังเฉย ต้องแทงทะลุผิวหนังจนเลือดไหลนั่นแหละจึงจะยอมทำตามคำสั่ง เปรียบได้กับคนที่ ต่อเมื่อได้เห็นญาติพี่น้องของตนเจ็บหรือตายจึงจะสลดใจได้คิด
                ๔.ต้องถูกแทงจนถึงกระดูกจึงจะละพยศ ยอมทำตามคำสั่งโดยดี เปรียบได้กับคนที่ต้องเจ็บหรือเกือบตายเสียเองถึงจะคิดได้ และเร่งประกอบคุณงามความดี
                ที่ว่าการได้สติที่ง่ายที่สุดอย่างหนึ่งคือนึกถึงความตายนั้น ก็เพราะโลกนี้มีคนตายทุกวัน ตายไม่หยุด เป็นครูสอนที่หาง่ายที่สุด สอนดีที่สุด เพราะสอนด้วยการลงมือตายให้ดูจริงๆ ให้รู้ว่าก่อนจะตายได้ทำอะไรไว้อย่างไร ให้รู้ว่าตายแล้วเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ควรทำอย่างไร เมื่อเห็นคนโน้นเจ็บ คนนั้นตายจึงควรได้สติดำเนินชีวิตให้ถูกต้องดีงาม เหมือนม้าที่ฉลาด เห็นแค่เงาปฏักก็ขวนขวายทำหน้าที่ของตนโดยมิชักช้า
............................................

ชัยชนะ


 ชัยชนะ

                หากตั้งคำถามว่า “ชีวิตคืออะไร” คงจะได้คำตอบที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น ชีวิตคือความเป็นอยู่ ชีวิตคือการเดินทาง ชีวิตคือการแสวงหา ชีวิตคือละคร ชีวิตคือความไม่แน่นอน ฯลฯ โดยที่ในคำตอบทุกคำตอบนั้นสามารถสรุปลงไปหนึ่งเดียวได้คือ ชีวิตคือการต่อตู้ จากด้วยเหตุผลว่าในทุกๆ ความหมายของชีวิตที่กล่าวถึงย่อมมีการต่อสู้แฝงอยู่ด้วยเสมอ โดยมีจุดหมายเพื่อเอาชนะความทุกข์ให้ได้ ข้อนี้สอดคล้องกับคำสอนในพระพุทธศาสนาที่แม้จะมีจำนวนมาก แต่โดยสรุปก็มุ่งสอนให้รู้จักเรื่องความทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ ความดับทุกข์ และวิธีการให้ถึงความดับทุกข์  เมื่อเป็นดังนี้แล้ว การวัดผลแพ้ชนะจากการต่อสู้จึงต้องวัดกันที่ใครจะบริหารชีวิตได้ดีกว่า มีความทุกข์น้อยกว่า
                แม้พระพุทธศาสนาจะไม่ปฏิเสธชัยชนะในเรื่องทั่วไป แต่ก็สรรเสริญการเอาชนะตนเองว่าเป็นชัยชนะที่สูงสุด การเอาชนะตนเองก็คือเอาชนะกิเลสในใจให้ได้ก่อน เพราะเป็นฐานให้การเอาชนะคนอื่นเป็นไปโดยธรรม ไม่เกิดโทษตามมา ไม่ใช่ถูกกิเลสบังคับให้ต้องเอาชนะคนโน้นคนนี้ แล้วก็หลงภูมิใจว่าเป็นผู้ชนะ ทั้งที่ผู้ชนะตัวจริงคือกิเลส ตนเองหามีอิสรภาพแท้จริงไม่ ที่สำคัญ ทำให้เข้าใจคลาดเคลื่อนว่าการที่ชีวิตต้องต่อสู้นั้นคือสู้กับคนอื่น ไม่สนใจที่จะเอาชนะตนเอง
                มักจะเข้าใจผิดกันว่า ถ้าทำให้เขาแพ้ได้เราก็ชนะ ที่ว่าเข้าใจผิดก็เพราะในความเป็นจริงบางครั้ง เมื่อเขาแพ้เราก็แพ้ด้วย ดังในชีวิตจริง อาจมีสักครั้งที่เราเอาชนะคนอื่นได้ แต่พอชนะแล้วกลับต้องเป็นทุกข์เครียด และวิตกกังวล ความสุขที่มีอยู่ลดลง แต่ความทุกข์เพิ่มขึ้น หากตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ควรหาคำตอบให้ได้โดยพลันว่านี่หรือคือชัยชนะ และชนะอะไร ชนะเพื่ออะไร
............................................

ทางเสื่อมสายที่๒



                ในบรรดาอบายมุขที่แปลว่าทางเสื่อมของชีวิตตามหลักคำสอนของพุทธศาสนามีอยู่ด้วยกัน ๖ สาย อันได้แก่ ๑.การติดสุราและของมึนเมา ๒.การชอบเที่ยวกลางคืน ๓.การชอบเที่ยวดูการละเล่น ๔.การติดการพนัน ๕.การคบคนชั่วเป็นมิตร และ ๖.การเกียจคร้านในหน้าที่การงาน สำหรับเส้นทางสายที่ ๒ นั้น คือการเที่ยวกลางคืน เป็นทางเสื่อมที่ในอดีตมองเห็นได้ยาก เนื่องจากไม่มีสถานบันเทิงที่มีแสงสีทันสมัย จูงใจให้เข้าไปใช้บริการอย่างในทุกวันนี้  ปัจจุบันสถานบันเทิงต่างๆ มีการพัฒนารูปแบบและวิธีการที่ดึงดูดจิตใจ ล่อตาล่อใจ ได้มากขึ้น และผลของการเที่ยวกลางคืนนี้มีผลทำให้เกิดปัญหาหลายๆ อย่างตามมา เฉพาะโทษก็มีปรากฏเป็นหัวข้อได้ ๖ ประการ คือ
                ๑.ไม่รักษาตัวเอง เพราะนำตัวเองข้าไปสู่สถานที่และเหตุการณ์ที่อาจมีการเสพสิ่งเสพติดมึนเมา การทะเลาะวิวาท อาชญากรรม อุบัติเหตุ และความสำส่อนทางเพศ
                ๒.ไม่รักษาครอบครัว โดยปกติ คนเราต้องรัก ดูแลรักษาครอบครัวของตน การละทิ้งครอบครัวในยามวิกาลโดยไม่มีเหตุเหมาะสม ย่อมถือว่าตั้งอยู่ในความประมาท อีกประการหนึ่ง เป็นการบั่นทอนความสัมพันธ์และความอบอุ่น ทำให้ครอบครัวขาดความมั่นคงได้
                ๓.ไม่รักษาทรัพย์สิน เพราะมีแต่ทางสิ้นเปลือง บางรายถึงกับต้องเป็นหนี้สินเพราะการกิน เที่ยวเตร่ในเวลากลางคืน
                ๔.มักถูกระแวงสงสัย เพราะการไม่รักษาตัว ไม่รักษาครอบครัว ย่อมไม่ใช่วิสัยของบุคคลทั่วๆ ไป  เป็นที่ถูกให้มองได้ว่าขาดความรับผิดชอบ สนใจแต่ความสุขของตนเอง
                ๕.เป็นเป้าหมายให้ถูกใส่ความ แม้จะไม่ได้ทำความผิด แต่ก็มีโอกาสตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่ปรารถนาดีได้ง่าย เป็นที่ต้องระแวงสงสัยในอันดับต้นๆ
                ๖.ได้รับความลำบาก เปรียบเหมือนปลาที่หลงกินเหยื่อของพรานเบ็ด ทั้งเจ็บปวด ดิ้นรน และอาจถึงตายในที่สุด เพราะในเบื้องต้นหลงว่าเป็นเหยื่ออันโอชะ
                การพักผ่อนให้หายเครียด เกิดความสุขใจ ย่อมเป็นสิ่งที่ดีแน่ แต่ถ้าเลือกวิธีไม่ถูกก็อาจถลำลงสู่ทางเสื่อมสายที่ ๒ ซึ่งทำให้ชีวิตพังมานักต่อนักแล้ว
............................................