วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

คำอธิษฐานอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล

คำอธิษฐานอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล
คาถาแผ่เมตตา กรวดน้ำ ของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต)

อิมินา ปุญญะกัมเมนะ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่ได้สะสมอบรมมาแล้วตั้งแต่ในอดีตก็ดีปัจจุบันก็ดีได้แก่การรักษาศีล บริจาคทาน บำเพ็ญภาวนา สวดมนต์บูชาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ และการสงเคราะห์โดยทั่วไป บุญกุศลทั้งหลาย ขออุทิศให้แก่ บิดา มารดา ญาติกา ครูบาอาจารย์ ผู้มีอุปการคุณ บุตร-ภรรยา-สามี มิตรสหาย สรรพสัตว์ทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวร พญายมราช นายนิรยบาล ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ พระภูมิเจ้าที่ แม่พระธรณี แม่พระคงคา แม่พระเพลิง แม่พระพาย แม่พระโพสพ แม่ซื้อผู้เรืองฤทธิ์ เทพยดาตั้งแต่ชั้นจาตุมหาราชิกา เบื้องบน จนถึงที่สุดชั้นพรหมเบื้องล่าง ตั้งแต่ชั้นอเวจีจนถึงโลกมนุษย์ โดยรอบสุดขอบเขตจักรวาล อนันตจักรวาล ขอให้ท่านทั้งหลายจงได้รับส่วนบุญส่วนกุศลนี้โดยทั่วกัน ท่านที่มีทุกข์ขอให้พ้นทุกข์ ท่านที่มีสุขขอให้มีสุขยิ่งๆ ขึ้นไป โดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่ข้าเจ้าได้ล่วงเกินกระทำความผิด ตั้งแต่ในอดีตก็ดี ในปัจจุบันก็ดี ทั้งที่ระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายจงได้อโหสิกรรม ยกโทษให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นไป ด้วยอำนาจกุศลผลบุญนี้ จงเป็นพละปัจจัยนิสัย นำส่งให้ข้าพเจ้ามีสติ รู้ตัวมีปัญญารู้คิด มีปฏิภาณไหวพริบเฉียบแหลมว่องไว พิจารณาเห็นแจ้งในสัจธรรมจนถึงที่สุดของความพ้นทุกข์ คือพระนิพพานในชาติปัจจุบันตลอดชาติอย่างยิ่งเทอญ
(ใช้แผ่เมตตา กรวดน้ำ หลังจากทำบุญ ออกจากสมาธิ หรือก่อนนอน)

คำอธิษฐานขอพร

ข้าพเจ้า ขออาราธนาพระบารมี ๓๐ ทัศ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เสด็จนิพพานไปแล้ว มากยิ่งกว่าเม็ดกรวดเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรทั้ง ๔ ด้วยเดชะพระพุทธานุภาพ พระธัมมานุภาพ พระสังฆานุภาพ พระบารมี พระโพธิสัตว์ พระปัจเจกโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย และพระบารมีขององค์พระสมณะโคดมบรมครู ขอได้ส่งพลังมายังตัวข้าพเจ้า จงดลบันดาลให้ข้าพเจ้าหายจากโรคภัย ไข้เจ็บ และสรรพเคราะห์ทั้งหลายในกายของข้าพเจ้าจงหายไปสิ้นทั้งหมด
(ปรารถนาสิ่งใด ขอจงตั้งจิตอธิษฐานตามที่ต้องการ)
ฯ ล ฯ
ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ชนะต่ออุปสรรคและมารทั้งหลาย
ขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัวปลอดภัยจากราชภัยทั้งปวง
ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากความทุกข์ทั้งหลาย
ขอให้การประกอบอาชีพของข้าพเจ้าประสบความสำเร็จเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าตลอดไป
ขอให้ข้าพเจ้าสมบูรณ์พร้อมด้วยอำนาจและตบะเดชสมบัติธนสารสมบัติและบริวารสมบัติ
ขอให้ข้าพเจ้าประสบความสุข ความเจริญ ความสำเร็จตามที่ข้าพเจ้าปรารถนาทุกประการ
หากข้าพเจ้ายังไม่ถึงซึ่งนิพพาน ชาติหน้าขอให้ข้าพเจ้าได้ไปเกิดในตระกูลที่ดี เป็นผู้มีธรรมะบริสุทธิ์ สมบูรณ์พูนสุขทุกประการเทอญ
ฯ ล ฯ

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554

คาถาบูชาดวงชะตา (ของเก่า)

นะโม เม สัพพะเทวานัง
สัพพะคะระหะ จะ เทวานัง
สุริยัญจะ ปะมุญจะถะ
สะสิ ภุมโม จะ เทวานัง
วุโธ ลาภัง ภะวิสสะติ
ชีโว สุกะโร จะ มะหาลาภัง
โสโร ราหูเกตุ จะ มะหาลาภัง
สัพพะภะยัง วินาสสันติ
สัพพะทุกขัง วินาสสันติ
สัพพะโรคัง วินาสสันติ
ลักขะณา อะหัง วันทามิ สัพพะทา
สัพพะเทวา มัง ปาละยันตุ
สัพพะทา เอเตนะ มังคะละเตเชนะ
สัพพะโสตถี ภะวันตุ เมฯ

เพื่อเสริมดวงชะตา จงผูกดวงชะตาของตน พร้อมเขียนชื่อนามสกุล ของตนไว้ใต้ดวงชะตา หรือดวงที่เรียกว่า “ดวงพิชัยสงคราม” แล้วเอาดวงชะตาบรรจุหรือวางไว้ข้างฐานพระ เมื่อจะบูชาดวงชะตา พึงสวดคาถานี้เพื่อจะได้เกิดลาภสักการะ เป็นสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลเลิศดีนักแลฯ


คำขอขมาโทษ (กรรมชั่ว)



กรรมชั่วอันใด ที่ข้าพเจ้าทำไว้ ด้วยกาย วาจา ใจ ในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ เพราะความไม่รู้ เพราะความหลง เพราะความงมงาย เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และคุณบิดามารดา ครูบาอาจารย์ จงยกโทษ โปรดให้ข้าพเจ้าพ้นจากความทุกยากลำบากเข็ญใจ ความทุกข์ขออย่าได้ ความไข้ขออย่าให้มี ขอให้มีความสุขสวัสดีมีชัย หายทุกข์ หายโศก หายโรค หายภัย หายอุบาทว์ เสนียดจัญไร อันตรายทั้งหลาย จงเสื่อมไป สิ้นไป สูญไป หายไป ข้าพเจ้าจะปรารถนาสิ่งใด ขอให้ได้สมปรารถนา นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
จงตั้งจิตอธิษฐานตามความปรารถนาที่ต้องการตามใจชอบ)

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

ความรักและคนพิเศษ

การที่เรารักใครสักคนอาจไม่ต้องการเหตุผล
การที่เรารักใครสักคนอาจไม่สนว่าเขาเป็นใคร
การที่เรารักใครสักคนอาจไม่แน่ว่าเขาจะรักตอบ
การรักใครสักคนอาจไม่แน่ว่าเราจะสมหวัง
การรักใครสักคนอาจไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
การรักใครสักคนไม่ได้หมายว่าเธอจะแต่งงานกับเรา
การรักใครสักคนไม่ได้หมายว่าเราทั้งคู่จะเหมือนหรือแตกต่างกัน
การรักใครสักคนอาจไม่จำเป็นต้องอธิบายเป็นภาษา
การักใครสักคนอาจจะทำให้เราเสียใจและผิดหวัง
การรักใครสักคนอาจจะทำให้เราเสียน้ำตา
การรักใครสักคนไม่ได้หมายความว่าเราจะอยู่ใกล้กัน
การรักใครสักคนไม่ได้หมายถึงการครอบครองเป็นเจ้าของ
การรักใครสักคนไม่ได้หมายความว่าเราต้องคิดเหมือนกัน

ชีวิตมันสั้น
การที่เรารักใครไม่จำเป็นต้องไปหวังให้มันเป็นไปดังใจต้องการ
เพราะเราทั้งคู่ต่างก็มาจากที่แตกต่างและครอบครัวที่ต่างกัน
แต่เมื่อได้มาพบกันก็น่าจะเข้าใจกันและยินดีในความสุขของกันและกัน
คำว่ารักคืออะไร อาจเป็นได้ทั้งสุขและทุกข์ อาจเป็นได้ทั้งดีใจและเสียใจ
อาจเป็นได้ทั้งความหวังและการทำลาย
แต่ขอให้เชื่อในสิ่งที่ทำแค่นั้นก็พอ เพราะนั้นเป็นหนทางที่เลือกเอง
จงยินดีในสิ่งที่เลือกและหวัง....ดีกว่า
เพราะอย่างน้อยชีวิตของคุณก็ยังได้ก้าวเดินไป
เพราะเวลาไม่คอยใครและก็ไม่รู้ว่าสิ่งใดจะรออยู่ข้างหน้า
แต่อย่างน้อยก็ยังมีคน ๆ หนึ่งที่จะยืนเคียงข้างไม่ว่าสุขหรือทุกข์
ไม่ว่าเศร้าหรือเสียใจ ไม่ว่าล้มและอ่อนแอ ยังมีคน ๆ นี้
ที่จะเดินเคียงข้างและอยู่ข้าง แม้ว่าเขาคนนั้นอาจจะไม่ดีพร้อม
ไม่สามารถร่วมชีวิต
แต่เขาก็จะเป็นเพื่อนและเป็นทุกอย่างในยามที่องการใครสักคน

คำว่า "คนพิเศษ" ชีวิตคนเรามีอะไรมากมายที่ผ่านเข้ามาให้ซึมซับรับรู้
ในชีวิตคนเรามีผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามาให้รู้จักมักคุ้น
แต่ในผู้คนมากมายเหล่านั้นอย่างน้อยคงต้องมีใครบางคนที่ทำให้เรารู้สึก
"ไม่ธรรมดา" ที่จะนึกถึง เรียกว่าเป็น "ความพิเศษ"
ที่เราจะยกเว้นเอาไว้จากความปกติทั่วไปของจิตใจ ก็ในเมื่อคำว่า "พิเศษ"
หมายถึง ความจำเพาะ ความแปลกแยก ความดีงาม ความอบอุ่นในหัวใจ
กระนั้นทำไมเราไม่ปฏิบัติต่อเขาให้ตรงกับที่ใจคิด

ให้ "ความรู้สึกดีดี" จากจิตใจที่ดีดี
ให้ "ความอาทรถึง" จากจิตใจที่นึกถึง
ให้ "ความห่วง" จากจิตใจที่เป็นห่วง
ให้ไปเถอะ ให้ไปอย่างดีดี แต่มี "สติ"
ให้ไปเถอะ ให้ไปอย่างอบอุ่น แต่ไม่ "คุกรุ่น" ให้ไปเลย ให้ไปเท่าไหร่ก็ได้
แต่เมื่อให้ไปแล้วต้อง "ไม่ร้อนรุ่มกลัดกลุ้ม"
และหากเมื่อใดจิตใจอาจระส่ำระสาย สะดุดกับอะไรขึ้นมาบ้างก็จงหยุดพักตรึกตรอง
อย่าปล่อยให้พายุอารมณ์โถมพัด "สิ่งดีดี" จนกระจัดกระจาย เพราะ
"การให้"ความหมาย ไม่ใช่ "การตั้งความหวัง" คนสองคนให้ความหมายซึ่งกันและกัน
แต่คนสองคน "จะไม่ตั้งความหวังในกันและกัน" เพราะการตั้งความหวังมักนำพาซึ่ง
"การเรียกร้อง" "ความอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ" โดยที่ไม่รู้ตัว มันร้อนนัก
หนาวนัก และไม่เป็นสุข เราต้องไม่ลืมปรับอุณหภูมิจิตใจเอาไว้ที่องศาอุ่น ๆ
หากเริ่มรู้สึกตัวว่าความร้อนเริ่มทวีขึ้น เราต้องค่อย ๆ
เดินออกมาสูดอากาศเย็น
หากตรงกันข้ามเราก็ต้องหลบเร้นจากความหนาวมาหาไอแดดเช่นกัน และอย่าลืมว่า
"ความพิเศษ"
ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นพิเศษมากหรือพิเศษสุดหรือพิเศษอย่างยิ่งในคนคนเดียว
ทั้งเราและเขาอาจจะมีคนพิเศษในวิถีชีวิตได้หลายลักษณะ พิเศษในเรื่องนั้น?
พิเศษในเรื่องนี้? ในเมื่อหัวใจเป็นของเรา
เราก็ย่อมเลือกให้ความพิเศษกับใครก็ได้
ที่เราจะไม่ต้องแลกกับความทุกข์ อย่างพิเศษกลับมา
จงให้ "ความพิเศษ" เป็นชีวิตชีวา
เป็นแววตาที่แจ่มใสเป็นความห่วงใยที่เมื่อนึกถึงทีไรก็ยิ้มได้
ไม่วิ่งหนีแต่ไม่วิ่งตาม ไม่หักห้ามแต่ไม่กระโจนใส่
ไม่เป็นน้ำตาลที่หวานอ่อนไหวแต่เป็นความอบอุ่นในหัวใจและเอื้ออาทร
จงเป็นความแจ่มใสในอารมณ์ของตัวเอง เป็นความชุ่มชื่น สดใส เช่นสายน้ำ
เป็นสีสันงดงามเช่นมวลผกา เป็นสีเขียวของใบไม้ ที่เย็นที่ตาและที่ใจ
และที่ตรงนี้? จะอีกนานเท่าใด ไม่ว่า "คนพิเศษ" คนนั้น
จะอยู่ใกล้หรือต้องจากกันไกล "ความพิเศษ" นั้น ก็จะคงอยู่อย่างมีคุณค่า ณ
ที่เดิม ที่ซึ่ง หัวใจข้างซ้ายตรงกัน

จุดเล็กๆ

อย่ามองข้ามจุดเล็กๆ เพียงจุดเดียว หลายคนมักคิดว่า..จุดเล็ก ๆ ไม่ก่อปัญหาอะไร..ปล่อยข้ามมันไปเลย.. แต่จุดเล็กๆ เพียงจุดเดียว..อาจก่อให้เกิดความเสียหาย..และติดอยู่ในความทรงจำ และความรู้สึก..ของเราได้ตลอดไปเช่นกัน..
บางคนไม่ใส่ใจต่อปัญหาที่เริ่มจากจุดเล็ก ๆ..ที่เป็น ข้อผิดพลาดของชีวิต..ปล่อยเลย..ตามเลย..เพียงเพราะมองข้ามจุดเล็ก ๆ นี้ไป..อาจก่อให้เกิดความเสียหายตามมาอย่างมากมาย
เพียงอย่ามองข้ามปัญหาทุกๆ จุดของชีวิต..และพยายามเอาใจใส่..ด้วยการ ใช้สติพิจารณาอย่างใคร่ครวญ..คำนึงถึงเหตุและผล..ที่จะเกิดขึ้นตาม มาภายหลังอย่างละเอียดถี่ถ้วน..
ปัญหาแม้เล็กน้อย..หากให้ข้อคิดเตือนใจเราได้..เราก็ไม่ควรมองข้าม..หรือละเลยทิ้งมัน ไป..
ปัญหาใหญ่โต..เกิดจากปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ก่อตัว..เพิ่มจำนวนของปัญหามากขึ้น..หากเราไม่รีบแก้ไข..จากจุด เล็ก ๆ ของปัญหาเหล่านั้น..อาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่โต..ที่ยากแก่ การแก้ไขได้..
ชีวิตของคนเราที่เกิดปัญหาขึ้น..ก็เพราะการไม่ใส่ใจต่อความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของตนนั่นเอง

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

มงคลชีวิตเก้าประการ

1.ซื่อตรง
บุคคลใด หรือฝ่ายใดก็ตาม ถ้าขาดความซื่อตรงเสียแล้ว ก็จะเกิดความเสื่อมโทรมเสียหาย เกิดเรื่องเดือดร้อน เกิดความไม่สงบ เกิดความระแวงไม่ไว้วางใจ ขาดความเชื่อถือ ขาดความนิยม เกิดความโกรธเคือง อาฆาตแค้น เกิดความเกลียดชัง ดูถูกดูหมิ่นกัน กฎธรรมชาติมีอยู่ว่า บุคคลใด ซื่อตรงเป็นบุคคลที่น่าคบค้าสมาคมมีเสน่ห์ ใครๆ ก็ชอบ คบค้าสมาคมกับคนซื่อตรง ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน ฉะนั้น ขอให้ถือความซื่อตรงเป็นหลักปฏิบัติประจำของชีวิต

2. กตัญญู กตเวที
คนเราเกิดมาชาติหนึ่ง ผู้มีพระคุณแก่เรา สรุปโดยย่อมี 5 ประการ
- พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ผู้แนะนำสั่งสอนให้ตั้งอยู่ในความดี และประพฤติตนเป็นตัวอย่าง
- ชาติ กษัตริย์และรัฐธรรมนูญ ผู้ให้สิทธิคุ้มครองความยุติธรรม ความมีหลักฐาน ถิ่นที่อยู่อาศัย
- บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ผู้ให้กำเนิดเลี้ยงดูรักษาให้ความสุขความเจริญและหลักฐานของชีวิต
- ครูบาอาจารย์ ผู้สั่งสอนศิลปะวิทยาการทั้งหลายให้ความเจริญรุ่งเรืองและป้องกันในทิศทั้งหลาย
- ญาติ พี่น้อง มิตรสหาย เจ้านาย ผู้บังคับบัญชาเหนือตน ผู้ให้ความอุปการะหรือเลี้ยงดู สนับสนุน ส่งเสริมให้เราเจริญรุ่งเรือง
ผู้มีพระคุณทั้ง 5 ประการดังกล่าว ผู้เจริญแล้วทั้งหลายต้องรู้จักบุญคุณและหาทางสนองตอบบุญคุณจนกว่าชีวิตจะหาไม่อย่าให้ใครมาตำหนิว่าเป็นคนเนรคุณ หรือลูกทรพี ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี ที่โลกต้องการบุคคลประเภทนี้นักปราชญ์ทั้งหลายท่านกล่าวสรรเสริญยกย่องว่าตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ เทวดาฟ้าดินย่อมคุ้มครองรักษาเสมอ เพราะฉะนั้น ขอให้ถือเรื่องความกตัญญูเป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญของชีวิต

3. ขยัน
ความขยันเป็นเครื่องผลักดันชีวิตให้เจริญก้าวหน้าไปสู่ความมั่นคั่งบรรดาบุคคลสำคัญของโลกได้ประสบความรุ่งโรจน์ เพราะอาศัยความขยันเป็นเครื่องช่วยผลักดันชีวิต คือ
ขยันศึกษา คือ ศึกษาเล่าเรียนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมีโอกาสศึกษาได้ตามฐานะ ในยุคโลกาภิวัตน์นี้ เราเรียกว่าศึกษาตลอดชีวิตจนถึงวาระสุดท้าย
ขยันคิด คือคิดให้ถึงที่สุด หาทางก้าวหน้าอยู่เสมอ คิดสร้างสรรค์ คิดพัฒนา พลิกแพลงให้ดีขึ้น และคิดแก้ไขปรับปรุงเองว่ามีจุดดี หรือด้อยอย่างใด คิดให้ทันกับเหตุการณ์และสถานการณ์นั้นๆ
ขยันพูด “พูดดีเป็นศรีแก่ปาก พูดมากปากจะมีสี” ข้อนี้คือพูดให้ดีที่สุด พูดให้ถูกกาลเทศะ พูดให้เป็นประโยชน์มากที่สุด คิดให้ถ้วนถี่ก่อนพูด ทางพระท่านว่า “ปิยวาจา” หรือ “มธุรสวาจา”
ขยันทำ คือทำให้ดีที่สุดจนสุดความสามารถที่สามารถทำได้ จงทำเวลาทุกๆ นาที ให้เป็นประโยชน์ให้เกิดประโยชน์ ให้มากที่สุด
ขยันหา คือ หาความรู้ หาความชำนาญ หาความดี ความชอบ หาทางก้าวหน้า หาทรัพย์สินเงินทอง หาหลักฐาน หามิตรสหาย หาพระสงฆ์ หานักปราชญ์ผู้รู้ดี รู้ชอบ หาชื่อเสียง หาประโยชน์ทางสุจริต หาความเจริญ เป็นต้น อย่าหายใจทิ้งไปวันๆ ทางพระท่านตำหนิว่าเป็น “โมฆะบุรุษ” บางคนท่านให้ศัพท์ค่อนข้างรุนแรงว่า “เสียชาติเกิด” หรือ “รกโลก” ฉะนั้นจึงขอให้ถือความขยันเป็นหลักปฏิบัติประจำของชีวิต

4. สะอาด
ความสะอาดทำให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เชื้อโรคเกิดจากความสกปรก เมื่อเรามีความสะอาดเชื้อโรคก็เกิดขึ้นไม่ได้ เราก็มีความสุขทั้งร่างกายและจิตใจ บ้านเรือนที่สะอาดก็เป็นบ้านเรือนที่น่าอยู่อาศัย ใครๆ ก็ชอบบ้านเรือนที่สะอาดเสื้อผ้าที่สะอาดก็เป็นเสื้อผ้าที่น่าสวมใส่ น่าดู น่าชม ใครๆ ก็ชื่นชม ใครๆ ก็ชอบใส่เสื้อผ้าที่สะอาด
บุคคลใดเป็นคนสะอาด ก็เป็นคนที่น่าคบค้าสมาคม ยิ่งกว่านั้นความสะอาดยังส่อแสดงให้เห็นถึงชีวิตจิตใจ และบุคลิกภาพ โบราณท่านสอนว่า ดูวัดให้ดูฐาน (ส้วม) ดูบ้านให้ดูครัว วัดใดส้วมสะอาด แสดงว่าวัดนั้นพระขยัน วัดใดส้วมสกปรก แสดงว่าวัดนั้นพระขี้เกียจ บ้านใดครัวสะอาด แสดงว่าแม่ครัวหรือลูกสาวบ้านนั้นขยัน บ้านใดครัวสกปรก แสดงว่าแม่บ้านหรือลูกสาวบ้านนั้นขี้เกียจ เพราะฉะนั้น ขอให้ถือความสะอาดเป็นหลักปฏิบัติประจำของชีวิต

5. ใช้จ่ายพอสมควรแก่ฐานะ
ถ้าเราใช้จ่ายเกินฐานะเกินรายได้ก็จะมีแต่ความทรุดโทรมลงและพินาศล่มจม ในที่สุดก็ดำรงชีวิตอยู่ไม่ได้มีคนเป็นจำนวนมากที่ต้องลำบากยากจนและเดือดร้อน เป็นหนี้สินเขาเพราะใช้จ่ายเกินฐานะ
จงประหยัดเพื่อใช้จ่าย แล้วใช้จ่ายเพื่อประหยัด จะมั่งมีเพราะประหยัด จะอัตคัดเพราะฟุ่มเฟือย รูรั่วนิดเดียวยังทำให้เรือใหญ่จมได้ จงอดกลั้น อดทน อดออม แล้วจะไม่อดตาย คนรวยเพราะทำตัวจน คนขัดสนเพราะทำตนร่ำรวย จงกินแต่พออิ่ม ชิมแต่พอดี เป็นหนี้แต่พอประมาณ อย่าเอาโรงแรมเป็นบ้าน อย่าเอาภัตตาคารเป็นครัว อย่ากินเกิน อย่าใช้เกิน รู้จักแก้จนด้วยการทำตัวต่ำ รู้จักลดขนาดความต้องการลง เพื่อความอยู่รอดของครอบครัว พลาดไปหนึ่งครั้งพังไปนาน เพราะฉะนั้น ขอให้ถือการใช้จ่ายพอสมควรแก่ฐานะเป็นหลักปฏิบัติประจำของชีวิต

6. งดเว้นสิ่งให้โทษ
งดเว้นจากสุราเมรัย เครื่องดองของเมา ดื่มได้กินได้เพื่อเป็นยา
งดจากสิ่งเสพติดทั้งหลายทั้งปวง
งดการเล่นการพนันขันต่อต่างๆ ทุกกรณี
งดเข้าในสถานเริงรมย์ แหล่งอบายมุข ทั้งปวง
หากเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งให้โทษ ก็จะพาชีวิตของเราเสื่อมโทรมเสียหายพินาศเดือดร้อน ไม่เจริญก้าวหน้า เดินไปสู่ความหายนะ สู่ประตูคุกตะราง สู่ความตาย ฉะนั้นจึงขอให้ถือการงดเว้นสิ่งให้โทษเป็นหลักปฏิบัติประจำของชีวิต

7. ไม่ล่วงเกินผู้อื่นก่อน
เรื่องราวเดือนร้อนต่างๆ ที่เกิดขึ้น การทะเลาะวิวาท ตีกัน ทำร้ายกัน ฆ่ากัน เป็นต้น เนื่องมาจากการล่วงเกินกันก่อนเป็นมูลเหตุ ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ล่วงเกินกัน ยอมให้เป็น ให้อภัยเสียบ้าง คิดเสียว่าโลกทั้งผองพี่น้องกัน รู้รักสามัคคี ฯลฯ ฉะนั้นจึงขอให้ถือการไม่ล่วงเกินผู้อื่นก่อนเป็นหลักปฏิบัติประจำของชีวิต

8. งดติดต่อคบค้าสมาคมกับคนไม่ดี
การติดต่อกับคนไม่ดี เป็นบันไดแรกนำไปสู่เรื่องราวเดือดร้อนวุ่นวาย ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เนื่องมาจากการติดต่อซึ่งกันและกัน หากเราติดต่อกับคนไม่ดีก็จะมีแต่เรื่องยุ่ง ผิดหวัง เดือดร้อน เสียหาย เสื่อมโทรม พินาศ ขาดทุน หรืออาจถึงแก่ชีวิตก็เป็นได้ ข้อสังเกตว่าคนใดไม่ดีคือ
คนดี ย่อมแสดงออก ซึ่งความดี คนชั่ว ย่อมแสดงออก ซึ่งความชั่ว
คนซื่อ ย่อมแสดงออก ซึ่งความชั่ว คนคด ย่อมแสดงออก ซึ่งความคด
คนเลวทราม ย่อมแสดงออก ซึ่งความเลวทราม
นิสัยของคนไม่ดี พอยกเป็นตัวอย่างได้ ดังนี้
- ไม่ซื่อตรง (คิดคดเสมอ)
- ไม่รักษาคำพูด (คำพูดที่ตกลงกันไว้)
- โกหก (ทำให้เกิดเรื่องเสียหาย เดือดร้อน)
- ปลิ้นปล้อน ตลบตะแลง ประเภท 18 มงกุฎ
- ยักยอก ฉ้อโกง เบียดบัง เอาเปรียบ
- ทรยศหักหลัง กินบนเรือน ถ่ายบนหลังคา
- ไม่ทำตามเงื่อนไขสัญญา
- ใช้เล่ห์เหลี่ยม แกล้งให้เดือดร้อนเสียหาย
- กลับกลอกหลอกลวงให้เสียหาย เดือดร้อน
- ขาดความเกรงใจ ไร้มารยาท บีบครั้นเอาเปรียบ
การดูคนดี คือ คิดดี ทำดี พูดดี คบคนดี และไปสู่ถานที่ดี
การดูคนชั่ว คือ คิดเรื่องชั่วๆ ทำเรื่องชั่วๆ พูดเรื่องชั่วๆ คบคนชั่วๆ และชอบไปสถานที่ชั่วๆ
เชื้อโรคเกิดจากความสกปรกฉันใด ความเสียหาย เดือดร้อนก็เกิดจากความไม่ดีฉันนั้น โบราณว่า หลีกสัตว์ร้ายให้พ้นวา หลีกคนชั่วช้าให้ย้ายบ้านย้ายเรือน ฉะนั้นจึงขอให้ถือการไม่คบค้ากับคนไม่ดีเป็นหลักปฏิบัติประจำของชีวิต

9. รู้จักหน้าที่ และทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด
คนเรามีหน้าที่ที่แตกต่างกัน เพศ วัย และการงาน ใครจะอยู่ในหน้าที่อะไรก็ตาม ก็ต้องทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เต็มศักยภาพความรู้ ความสามารถ โดยไม่มุ่งผลตอบแทนเกินไป ให้ทำหน้าที่ด้วยความสนุกสนาน เพลิดเพลิน เป็นเกมกีฬาอย่างหนึ่ง ทีเรียกว่า งานคือชีวิต ชีวิตคืองานบันดาลสุข ทำงานให้สนุก เป็นสุขขณะทำงานแต่คนส่วนมากมีแต่ความอยากได้ แต่ไม่อยากทำ อยากรวย อยากสบายแต่ไม่อยากทำ อยากได้ดีแต่ไม่ยอมสะสมความดี ฯลฯ
คนที่เสียชื่อเสียง เสียผู้เสียคน เสียอนาคต ถูกลงโทษ ลงทัณฑ์ ถูกปลด ถูกไล่ออก ถูกย้าย ถูกถอดยศถอดตำแหน่งหน้าที่การงาน ติดคุก ติดตะราง ตัวเองและครอบครัวเดือนร้อน ก็เพราะไม่รู้จักหน้าที่ ไม่ทำตามหน้าที่ ดูถูกหน้าที่ของตนเอง ละทิ้งหน้าที่ของตนเอง เพราะฉะนั้น ขอให้ถือการรู้จักหน้าที่และทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดเป็นหลักในการปฏิบัติประจำวันของชีวิตอีกข้อหนึ่ง
หากท่านผู้ใดสามารถปฏิบัติได้ครบทั้งเก้า ประการี้ รับรองได้ว่าชีวิตก็มีแต่ความสุข ความเจริญ อยู่ที่ไหนใครก็รัก จากไปก็เสียดาย ตายไปก็มีคนร้องไห้คิดถึง

คนทุกคนอยากเป็นคนดี

เคยสงสัยไหมว่า คนที่เป็นโจรหรือขโมยนั้น เขาไม่คิดที่จะเป็นคนดีบ้างหรือ อยากทำความดีบ้างหรืออย่างไร ความจริงแล้วทุกๆ คนที่เกิดมาบนโลกใบนี้ ก็อยากจะเป็นคนดีและก็อยากทำความดีกันทั้งนั้น ไม่มีใครที่อยากจะเป็นคนร้ายหรืออยากจะเป็นคนชั่ว แม้กระทั่งโจรที่ว่าร้าย แท้ที่จริงเขาก็อยากเป็นคนดี เพียงแต่ว่าสติปัญญาของเขามีอยู่อย่างจำกัด เขาได้แต่คิดว่าสิ่งที่เขาทำอยู่นั้นคือความดีที่เขาคิดเอาเอง เพราะว่าสิ่งที่เขาขาดแคลนอย่างมากคือกัลยาณมิตร ผู้ที่จะมาแนะนำอย่างถูกวิธี ถูกต้อง และเหมาะสมนั่นเอง คนทั่วไปในโลกขณะนี้ แม้ว่าเขาอยากจะเป็นคนดี แต่เขาก็ไม่รู้หลักในการพัฒนาตนเองให้ดีอย่างแท้จริง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีกัลยาณมิตรไปช่วยแนะนำไปช่วยแก้ไข และชี้ทางที่ถูกต้องให้กับพวกเขาเหล่านั้น เพื่อที่ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะได้เป็นกัลยาณมิตรให้กับตนเองและสามารถที่จะเป็นกัลยาณมิตรให้กับคนอื่นต่อไปได้ เราก็ได้รับคำตอบแล้วว่า ทุกคนล้วนปรารถนาอยากจะเป็นคดีและอยากจะทำความดีกันทั้งนั้น ทั้งสิ้น แต่ว่าขาดต้นแบบ และคนที่แนะนำได้อย่างถูกต้อง นั่นก็คือกัลยาณมิตรนั่นเอง เราคงต้องหันมาศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและลงมือปฏิบัติกันอย่างจริงจัง จะได้เป็นกัลยาณมิตรที่สมบูรณ์ให้ตัวเองและแก่เพื่อนชาวโลกคนอื่นๆ ต่อไป