วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2554

ความรักและคนพิเศษ

การที่เรารักใครสักคนอาจไม่ต้องการเหตุผล
การที่เรารักใครสักคนอาจไม่สนว่าเขาเป็นใคร
การที่เรารักใครสักคนอาจไม่แน่ว่าเขาจะรักตอบ
การรักใครสักคนอาจไม่แน่ว่าเราจะสมหวัง
การรักใครสักคนอาจไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
การรักใครสักคนไม่ได้หมายว่าเธอจะแต่งงานกับเรา
การรักใครสักคนไม่ได้หมายว่าเราทั้งคู่จะเหมือนหรือแตกต่างกัน
การรักใครสักคนอาจไม่จำเป็นต้องอธิบายเป็นภาษา
การักใครสักคนอาจจะทำให้เราเสียใจและผิดหวัง
การรักใครสักคนอาจจะทำให้เราเสียน้ำตา
การรักใครสักคนไม่ได้หมายความว่าเราจะอยู่ใกล้กัน
การรักใครสักคนไม่ได้หมายถึงการครอบครองเป็นเจ้าของ
การรักใครสักคนไม่ได้หมายความว่าเราต้องคิดเหมือนกัน

ชีวิตมันสั้น
การที่เรารักใครไม่จำเป็นต้องไปหวังให้มันเป็นไปดังใจต้องการ
เพราะเราทั้งคู่ต่างก็มาจากที่แตกต่างและครอบครัวที่ต่างกัน
แต่เมื่อได้มาพบกันก็น่าจะเข้าใจกันและยินดีในความสุขของกันและกัน
คำว่ารักคืออะไร อาจเป็นได้ทั้งสุขและทุกข์ อาจเป็นได้ทั้งดีใจและเสียใจ
อาจเป็นได้ทั้งความหวังและการทำลาย
แต่ขอให้เชื่อในสิ่งที่ทำแค่นั้นก็พอ เพราะนั้นเป็นหนทางที่เลือกเอง
จงยินดีในสิ่งที่เลือกและหวัง....ดีกว่า
เพราะอย่างน้อยชีวิตของคุณก็ยังได้ก้าวเดินไป
เพราะเวลาไม่คอยใครและก็ไม่รู้ว่าสิ่งใดจะรออยู่ข้างหน้า
แต่อย่างน้อยก็ยังมีคน ๆ หนึ่งที่จะยืนเคียงข้างไม่ว่าสุขหรือทุกข์
ไม่ว่าเศร้าหรือเสียใจ ไม่ว่าล้มและอ่อนแอ ยังมีคน ๆ นี้
ที่จะเดินเคียงข้างและอยู่ข้าง แม้ว่าเขาคนนั้นอาจจะไม่ดีพร้อม
ไม่สามารถร่วมชีวิต
แต่เขาก็จะเป็นเพื่อนและเป็นทุกอย่างในยามที่องการใครสักคน

คำว่า "คนพิเศษ" ชีวิตคนเรามีอะไรมากมายที่ผ่านเข้ามาให้ซึมซับรับรู้
ในชีวิตคนเรามีผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามาให้รู้จักมักคุ้น
แต่ในผู้คนมากมายเหล่านั้นอย่างน้อยคงต้องมีใครบางคนที่ทำให้เรารู้สึก
"ไม่ธรรมดา" ที่จะนึกถึง เรียกว่าเป็น "ความพิเศษ"
ที่เราจะยกเว้นเอาไว้จากความปกติทั่วไปของจิตใจ ก็ในเมื่อคำว่า "พิเศษ"
หมายถึง ความจำเพาะ ความแปลกแยก ความดีงาม ความอบอุ่นในหัวใจ
กระนั้นทำไมเราไม่ปฏิบัติต่อเขาให้ตรงกับที่ใจคิด

ให้ "ความรู้สึกดีดี" จากจิตใจที่ดีดี
ให้ "ความอาทรถึง" จากจิตใจที่นึกถึง
ให้ "ความห่วง" จากจิตใจที่เป็นห่วง
ให้ไปเถอะ ให้ไปอย่างดีดี แต่มี "สติ"
ให้ไปเถอะ ให้ไปอย่างอบอุ่น แต่ไม่ "คุกรุ่น" ให้ไปเลย ให้ไปเท่าไหร่ก็ได้
แต่เมื่อให้ไปแล้วต้อง "ไม่ร้อนรุ่มกลัดกลุ้ม"
และหากเมื่อใดจิตใจอาจระส่ำระสาย สะดุดกับอะไรขึ้นมาบ้างก็จงหยุดพักตรึกตรอง
อย่าปล่อยให้พายุอารมณ์โถมพัด "สิ่งดีดี" จนกระจัดกระจาย เพราะ
"การให้"ความหมาย ไม่ใช่ "การตั้งความหวัง" คนสองคนให้ความหมายซึ่งกันและกัน
แต่คนสองคน "จะไม่ตั้งความหวังในกันและกัน" เพราะการตั้งความหวังมักนำพาซึ่ง
"การเรียกร้อง" "ความอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ" โดยที่ไม่รู้ตัว มันร้อนนัก
หนาวนัก และไม่เป็นสุข เราต้องไม่ลืมปรับอุณหภูมิจิตใจเอาไว้ที่องศาอุ่น ๆ
หากเริ่มรู้สึกตัวว่าความร้อนเริ่มทวีขึ้น เราต้องค่อย ๆ
เดินออกมาสูดอากาศเย็น
หากตรงกันข้ามเราก็ต้องหลบเร้นจากความหนาวมาหาไอแดดเช่นกัน และอย่าลืมว่า
"ความพิเศษ"
ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นพิเศษมากหรือพิเศษสุดหรือพิเศษอย่างยิ่งในคนคนเดียว
ทั้งเราและเขาอาจจะมีคนพิเศษในวิถีชีวิตได้หลายลักษณะ พิเศษในเรื่องนั้น?
พิเศษในเรื่องนี้? ในเมื่อหัวใจเป็นของเรา
เราก็ย่อมเลือกให้ความพิเศษกับใครก็ได้
ที่เราจะไม่ต้องแลกกับความทุกข์ อย่างพิเศษกลับมา
จงให้ "ความพิเศษ" เป็นชีวิตชีวา
เป็นแววตาที่แจ่มใสเป็นความห่วงใยที่เมื่อนึกถึงทีไรก็ยิ้มได้
ไม่วิ่งหนีแต่ไม่วิ่งตาม ไม่หักห้ามแต่ไม่กระโจนใส่
ไม่เป็นน้ำตาลที่หวานอ่อนไหวแต่เป็นความอบอุ่นในหัวใจและเอื้ออาทร
จงเป็นความแจ่มใสในอารมณ์ของตัวเอง เป็นความชุ่มชื่น สดใส เช่นสายน้ำ
เป็นสีสันงดงามเช่นมวลผกา เป็นสีเขียวของใบไม้ ที่เย็นที่ตาและที่ใจ
และที่ตรงนี้? จะอีกนานเท่าใด ไม่ว่า "คนพิเศษ" คนนั้น
จะอยู่ใกล้หรือต้องจากกันไกล "ความพิเศษ" นั้น ก็จะคงอยู่อย่างมีคุณค่า ณ
ที่เดิม ที่ซึ่ง หัวใจข้างซ้ายตรงกัน