วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2562

ทางเสื่อมสายที่๒



                ในบรรดาอบายมุขที่แปลว่าทางเสื่อมของชีวิตตามหลักคำสอนของพุทธศาสนามีอยู่ด้วยกัน ๖ สาย อันได้แก่ ๑.การติดสุราและของมึนเมา ๒.การชอบเที่ยวกลางคืน ๓.การชอบเที่ยวดูการละเล่น ๔.การติดการพนัน ๕.การคบคนชั่วเป็นมิตร และ ๖.การเกียจคร้านในหน้าที่การงาน สำหรับเส้นทางสายที่ ๒ นั้น คือการเที่ยวกลางคืน เป็นทางเสื่อมที่ในอดีตมองเห็นได้ยาก เนื่องจากไม่มีสถานบันเทิงที่มีแสงสีทันสมัย จูงใจให้เข้าไปใช้บริการอย่างในทุกวันนี้  ปัจจุบันสถานบันเทิงต่างๆ มีการพัฒนารูปแบบและวิธีการที่ดึงดูดจิตใจ ล่อตาล่อใจ ได้มากขึ้น และผลของการเที่ยวกลางคืนนี้มีผลทำให้เกิดปัญหาหลายๆ อย่างตามมา เฉพาะโทษก็มีปรากฏเป็นหัวข้อได้ ๖ ประการ คือ
                ๑.ไม่รักษาตัวเอง เพราะนำตัวเองข้าไปสู่สถานที่และเหตุการณ์ที่อาจมีการเสพสิ่งเสพติดมึนเมา การทะเลาะวิวาท อาชญากรรม อุบัติเหตุ และความสำส่อนทางเพศ
                ๒.ไม่รักษาครอบครัว โดยปกติ คนเราต้องรัก ดูแลรักษาครอบครัวของตน การละทิ้งครอบครัวในยามวิกาลโดยไม่มีเหตุเหมาะสม ย่อมถือว่าตั้งอยู่ในความประมาท อีกประการหนึ่ง เป็นการบั่นทอนความสัมพันธ์และความอบอุ่น ทำให้ครอบครัวขาดความมั่นคงได้
                ๓.ไม่รักษาทรัพย์สิน เพราะมีแต่ทางสิ้นเปลือง บางรายถึงกับต้องเป็นหนี้สินเพราะการกิน เที่ยวเตร่ในเวลากลางคืน
                ๔.มักถูกระแวงสงสัย เพราะการไม่รักษาตัว ไม่รักษาครอบครัว ย่อมไม่ใช่วิสัยของบุคคลทั่วๆ ไป  เป็นที่ถูกให้มองได้ว่าขาดความรับผิดชอบ สนใจแต่ความสุขของตนเอง
                ๕.เป็นเป้าหมายให้ถูกใส่ความ แม้จะไม่ได้ทำความผิด แต่ก็มีโอกาสตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่ปรารถนาดีได้ง่าย เป็นที่ต้องระแวงสงสัยในอันดับต้นๆ
                ๖.ได้รับความลำบาก เปรียบเหมือนปลาที่หลงกินเหยื่อของพรานเบ็ด ทั้งเจ็บปวด ดิ้นรน และอาจถึงตายในที่สุด เพราะในเบื้องต้นหลงว่าเป็นเหยื่ออันโอชะ
                การพักผ่อนให้หายเครียด เกิดความสุขใจ ย่อมเป็นสิ่งที่ดีแน่ แต่ถ้าเลือกวิธีไม่ถูกก็อาจถลำลงสู่ทางเสื่อมสายที่ ๒ ซึ่งทำให้ชีวิตพังมานักต่อนักแล้ว
............................................