คนโบราณมักสอนลูกหลานว่า
อยู่ที่ไหนก็ให้ทำดี คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้
คนจะเจริญก้าวหน้าจะต้องมีความดีประจำตัว ความดีช่วยให้มีเสน่ห์
คนรูปร่างหน้าตาสวยย่อมมีเสน่ห์ ทำให้คนอยากมอง แต่ความสวยไม่จิรังเท่ากับความดี
ดังคำกล่าวที่ว่า “ความสวยไม่คงที่ ความดีสิคงทน”
หากาจะถามว่า
ความดีคืออะไร คำตอบอาจจะแตกต่างกันไป แต่เมื่อกล่าวโดยสรุป
สิ่งที่เป็นความดีนั้นจะมีลักษณะ คือ ๑.ถูกต้องดีงาม
๒.ไม่ทำให้ตนและคนอื่นเดือดร้อน และ ๓.มีผลเป็นความสงบสุข
เครื่องตัดสินว่าสิ่งนั้นดีหรือไม่ มี ๒ แนวทางคือ
๑.ทางโลก
ใช้กฎหมายและขนบธรรมเนียมประเพณีของสังคม
๒.ทางธรรม
ใช้หลักศาสนา กล่าวคือ การกระทำที่เป็นไปโดยชอบ
ถูกต้องตามหลักทั้งทางโลกและทางธรรม
ถือได้ว่าเป็นความดี
ซึ่งจะส่งผลให้ตนและผู้อื่นไม่เดือดร้อน แต่ถ้าเป็นไปในทางตรงกันข้ามก็เป็นความไม่ดี
มีผลเป็นทุกข์แก่ตนและผู้อื่น ด้วยเหตุนี้เมื่อจะทำสิ่งไร เพื่อป้องกันความผิดพลาด
ควรใช้หลักการทั้ง ๓ อย่าง นั้นมาวินิจฉัยก่อน ถ้าเห็นว่าถูกต้องดีงาม
ไม่ก่อความเดือดร้อน ผลสะท้อนเป็นความสงบสุขก็ควรทำ แต่ถ้าตรงกันข้ามก็ไม่ควรทำ
ไม่มีคำว่าสายสำหรับการทำความดีเลย ทำดีเมื่อไรก็ดีเมื่อนั้น ทำดีแต่ละครั้ง ก็ได้ชื่อว่าได้สร้างความรุ่งเรืองให้แก่ชีวิตเพิ่มขึ้น
คนส่วนมากอยากได้รับผลดีแต่ไม่ยอมลงทุนสร้างเหตุแห่งดี จึงไม่ได้ดีตามที่มุ่งหวัง
ดังคำกลอนที่ว่า
อยากได้ดีไม่ทำดีนั้นมีมาก ดีแต่อยากหากไม่ทำน่าขำหนอ
อยากได้ดีต้องทำดีอย่ารีรอ ดีแต่ขอรอแต่ดีไม่ดีเอย
สำรวจตัวท่านดูว่า
สายไปหรือยังสำหรับการทำดีในวันนี้
..................................