วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ขี้เกียจได้ดี


         มีนิทานเล่าว่า หน่วยงานแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบฝ่ายต่าง ๆ มากพอ สมควร และตามปกติจะมีหัวหน้าเดินตรวจตามแผนกอยู่เสมอ ที่แผนกรถยนต์ในหน่วย งานนั้นเอง มีพนักงานขี้เกียจอยู่คนหนึ่ง เขามีเอกลักษณ์พิเศษ คือ สามารถนอนหลับ ได้ทุกที่ โดยที่หัวหน้าตรวจไม่พบ วันหนึ่งเวลาเที่ยงเศษ ๆ พนักงานผู้นั้นได้มุดเข้าไป  นอนหลับใต้ท้องรถด้านหน้า ส่วนขาก็โผล่ให้เห็นถึงสะเอว มองดูผิวเผินเหมือนคน กำลังซ่อมรถ ขณะนั้นหัวหน้าผู้ตรวจงานก็เดินตรวจมาถึงแผนกรถยนต์ เห็นเหตุการณ์นั้น เข้าพอดี ก็นึกเอาเองว่าพนักงานคนนี้ช่างขยันแท้ ไม่ยอมหยุดพักทั้ง ๆ ที่ได้เวลาพักแล้ว  อย่างนี้ต้องให้ ๒ ขั้น และก็เป็นจริงตามนั้น

         เรื่องขี้เกียจได้ดีนี้มีแต่ในนิทานเท่านั้น ในชีวิตจริงมีได้ยาก แม้หากจะมีจริง คนขี้เกียจก็อาจหลอกได้แต่ ผู้บังคับบัญชาบางคน แต่ไม่อาจจะหลอกตัวเองได้เลยว่าตนได้ดีเพราะความขี้เกียจ ทั้งเป็นสิ่งที่น่าละอายใจอย่างยิ่งสำหรับผู้มีความประพฤติเช่นนั้น  เพื่อนร่วมงานก็ตำหนิติเตียนเอาได้ สำหรับผู้ขี้เกียจก็จะต้องสำรวจตน พัฒนาตน และพยายามทำงานให้ดีที่สุด อย่าได้คิดว่า "แอบนอนทุกวันก็ได้ขั้นเหมือนกัน" เพราะถ้าคิดเช่นนั้น ก็เท่ากับว่าเขาเป็นคนขี้เกียจโดยสันดาน เอาเปรียบเพื่อนร่วมงานอยู่เป็นอาจิณ และเป็นที่รังเกียจของเพื่อน ๆ

       พระพุทธศาสนาสอนให้เชื่อมั่นในผลของการกระทำ คือทำอย่างไรได้อย่างนั้น ทำงานดี ผลงานก็ดี อยากได้อะไร อยากเป็นอะไร ต้องลงมือกระทำให้สมเหตุสมผล มิใช่นอนคอยโชควาสนา หรือเพ้อฝันลม ๆ แล้ง ๆ ผู้รู้ได้ให้ข้อคิดไว้ว่าคนเราควรจะตั้งความปรารถนาในทางที่สร้างสรรค์และไม่เอาเปรียบใคร เช่น
       - ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนคิดอยากได้ดีอะไรลอย ๆ นั่งนอนคอยโชควาสนาโดยไม่ลงมือทำความดี หรือไม่เพียรพยายามสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่ตน ถ้าข้าพเจ้า จะได้ดีอะไรก็ขอให้ได้เพราะทำความดีอย่างสมเหตุสมผลเถิด
       - ขออย่าให้ข้าพเจ้าเป็นคนลืมตน ดูหมิ่นเหยียดหยามใคร ๆ ซึ่งอาจด้อยกว่าใน ทางตำแหน่ง ฐานะการเงิน หรือทางอื่นใดก็ตาม ขอให้ข้าพเจ้ามีความเห็นอกเห็นใจคน อื่น ให้เกียรติเขาตามความเหมาะสม
       - ขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้มีน้ำใจเข้มแข็งอดทน ไม่บ่นไม่คร่ำครวญในยามมีความ ลำบากเกิดขึ้น ขอให้มีกำลังใจต่อสู้กับความยากลำบากนั้น ๆ โดยไม่ต้องอ้อนวอนให้สิ่ง ศักดิ์สิทธิ์มาช่วย

       ฉะนั้น เมื่อคนเราได้ตั้งความปรารถนาในทางที่ถูกต้องและได้ลงมือกระทำตาม สมควรแก่เหตุผลแล้ว ผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ผู้กระทำย่อมรู้เอง ทั้งผู้รู้ก็สรรเสริญคน เช่นนั้น