วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ทำวัตรเช้า


คำบูชาพระรัตนตรัย
โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
             พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น องค์ใด เป็นพระอรหันต์ ดับเพลิงกิเลส เพลิงทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
สวากขาโต เยนะ ภะคะวะตา ธัมโม
             พระธรรเป็นธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์ใด ตรัสไว้ดีแล้ว
สุปะฏิปันโน ยัสสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
             พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์ใด ปฏิบัติดีแล้ว
ตัมมะยัง ภะคะวันตัง สะธัมมัง สะสังฆัง อิเมหิ สักกาเรหิ ยะถาระหัง อาโรปิเตหิ อะภิปูชะยามะ
             ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอบูชาอย่างยิ่ง ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์ ด้วยเครื่องสักการะทั้งหลายเหล่านี้ อันยกขึ้นตามสมควรแล้วอย่างไร
สาธุ โน ภันเต ภะคะวา สุจิระรินิพพุโตปิ
             ข้าพแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้ปรินิพพานนานแล้ว ทรงสร้างคุณอันสำเร็จประโยชน์ไว้แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย
ปัจฉิมา ชะนะตานุกัมปะมานะสา
             ทรงมีพระหฤทัยอนุเคราะห์แก่พวกข้าพเจ้า อันเป็นชนรุ่นหลัง
อิเม สักกาเร ทุคคะตะปัณณาการะภูเต ปะฏิคคันหาตุ
              ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงรับเครื่องสักการะ อันเป็นบรรณาการของคนยากทั้งหลายเหล่านี้
อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
              เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดกาลนานเทอญ
.............................................

                อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา
                                พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นพระอรหันต์ ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
                พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ
                                ข้าพเจ้าอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
(กราบ)
                สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม
                                พระธรรม เป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว
                ธัมมัง นะมัสสามิ
                                ข้าพเจ้านมัสการพระธรรม
(กราบ)
                สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
                                พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ปฏิบัติดีแล้ว
                สังฆัง นะมามิ
                                ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์
(กราบ)
.............................................
คำทำวัตรเช้า ปุพพภาคนมการ
หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส
                เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความนอบน้อมอันเป็นเบื้องต้น แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด
.............................................
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต  ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
อะระหะโต                      ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส
สัมมาสัมพุทธัสสะ         ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
(กล่าว ๓ ครั้ง)
.............................................
๑.พุทธาภิถุติ
หันทะ มะยัง พุทธาภิถุติง กะโรมะ เส
                เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความชมเชยเฉพาะ พระพุทธเจ้าเถิด
.............................................
โย โส ตะถาคะโต                     พระตถาคตเจ้านั้นพระองค์ใ
อะระหัง                                    เป็นผู้ไกลจากกิเลส
สัมมาสัมพุทโธ                        เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
วิชชาจะระณะสัมปันโน            เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ
สุคะโต                                     เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี
โลกะวิทู                                   เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง
อนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ    เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า
สัตถา เทวะมะนุสสานัง             เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
พุทโธ                                        เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม
ภะคะวา                                     เป็นผู้มีความจำเริญ จำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์
โย อิมัง โลกัง สะเทวะกัง สะมา ระกัง สะพรัหมะกัง สัสสะมะณะ พราหมะณิง ปะชัง สะเทวะมะนุสสัง สะยัง อะภิญญา สัจฉิกัตวา ปะเวเทสิ
                                               พระผู้มีพระภาคเจ้าองค์ใด ได้ทรงทำความดับทุกข์ให้แจ้งด้วยพระปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ทรงสอนโลกนี้พร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม และหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม
โย ธัมมัง เทเสสิ                       พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด ทรงแสดงธรรมแล้ว
อาทิกัลยาณัง                           ไพเราะในเบื้องต้น
มัชเฌกัลยาณัง                         ไพเราะในท่ามกลาง
ปะริโยสานะกัลยาณัง                ไพเราะในที่สุด
สาตถัง สะพยัญชะนัง เกวะละปะริปุณณัง ปะริสุทธัง พรัหมะจะริยัง ปะกาเสสิ
                                               ทรงประกาศพรหมจรรย์ คือแบบแห่งการปฏิบัติอันประเสริฐบริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถะ(คำอธิบาย) พร้อมทั้งพยัญชนะ(หัวข้อ)
ตะมะหัง ภะคะวันตัง อะภิปูชะยามิ    ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ  ข้าพเจ้านอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า
(กราบระลึกพระพุทธคุณ  พร้อมกับกล่าวว่า “พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของเรา” ในใจ)
๒.ธัมมาภิถุติ
หันทะ มะยัง ธัมมาภิถุติง กะโรมะ เส
                เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความชมเชยเฉพาะ พระธรรมเถิด
.............................................
โย โส สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม   พระธรรมนั้นใด เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ได้ตรัสไว้ดีแล้ว
สันทิฏฐิโก                                           เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง
อะกาลิโก                                             เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาล
เอหิปัสสิโก                                          เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด
โอปะนะยิโก                                         เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ                  เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน
ตะมะหัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ              ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระธรรมนั้น
ตะมะหัง ธัมมัง สิระสา นะมามิ           ข้าพเจ้านอบน้อมพระธรรมนั้นด้วยเศียรเกล้า
(กราบระลึกพระธรรมคุณ  พร้อมกับกล่าวว่า “พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของเรา” ในใจ)
๓.สังฆาภิถุติ
หันทะ มะยัง สังฆาภิถุติง กะโรมะ เส
                เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความชมเชยเฉพาะ พระสงฆ์เถิด
.............................................
โย โส สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ          พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้านันหมู่ใด ปฏิบัติดีแล้ว
อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ    พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติตรงแล้ว
ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ               พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว
สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ               พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าหมู่ใด ปฏิบัติสมควรแล้ว
ยะทิทัง                                                        ได้แก่บุคคลเหล่านี้คือ
จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา     คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวบุรุษได้ ๘ บุรุษ *
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ          นั่นแหละสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
อาหุเนยโย**                                      เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานำมาบูชา
ปาหุเนยโย***                                    เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ
ทักขิเณยโย****                                 เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน
อัญชะลิกะระณีโย                                เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทำอัญชลี
อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสะ     เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า
ตะมะหัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ               ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่ง เฉพาะพระสงฆ์หมู่นั้น
ตะมะหัง สังฆัง สิระสา นะมามิ            ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์หมู่นั้น ด้วยเศียรเกล้า
    (กราบระลึกพระสังฆคุณ  พร้อมกับกล่าวว่า “พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของเรา” ในใจ)
    *          สี่คู่คือ โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล/  สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล/ อนาคามิมรรค อนาคามิผล/ 
                อรหัตตมรรค อรหัตตผล
    **        อ่านว่า  อา-หุ-ไน-โย          
    ***      อ่านว่า  ปา-หุ-ไน-โย             
    ****    อ่านว่า  ทัก-ขิ-ไน-โย
๔. รตนัตตยัปปณามคาถา
หันทะ มะยัง ระตะนัตตะยัปปะณามะคาถาโย เจวะ สังเวคะวัตถุปะริกิตตะนะปาฐัญจะ ภะณามะ เส
      เชิญเถิด เราทั้งหลาย กล่าวคำนอบน้อมพระรัตนตรัย และบาลีที่กำหนดวัตถุ เครื่องแสดงความสังเวชเถิด
.............................................
พุทโธ สุสุทโธ กะรุษามะหัณณะโว     พระพุทธเจ้าผู้บริสุทธิ์ มีพระกรุณาดุจห้วงมหรรณพ
โยจจันตะสุทธัพพะระญาณะโลจะโน พระองค์ใด มีตาคือญาณอันประเสริฐหมดจดถึงที่สุด
โลกัสสะ ปาปูปะกิเลสะฆาตะโก          เป็นผู้ฆ่าเสียซึ่งบาป และอุปกิเลสของโลก
วันทามิ พุทธั อะหะมาทะเรนะ ตัง      ข้าพเจ้าไหว้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ
ธัมโม ปะทีโป วิยะ ตัสสะ สัตถุโน      พระธรรมของพระศาสดา สว่างรุ่งเรืองเปรียบดวงประทีป
โย มัคคะปากามะตะเภทะภินนะโก    จำแนกประเภท คือ มรรค ผล นิพพาน ส่วนใด
โลกุตตะโร โย จะ ตะทัตถะทีปะโน     ซึ่งเป็นตัวโลกุตตระ และส่วนใดที่ชี้แนวแห่งโลกุตตระนั้น
วันทามิ ธัมมัง อะหะมาทะเรนะ ตัง    ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมนั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ
สังโฆ สุเขตตาภยะติเขตตะสัญญิโต     พระสงฆ์เป็นนาบุญอันยิ่งใหญ่กว่านาบุญอันดีทั้งหลาย
โย ทิฏฐะสันโต สุคะตานุโพธะโก       เป็นผู้เห็นพระนิพพาน ตรัสรู้ตามพระสุคต หมู่ใด
โลลัปปะหิโน อะริโย สุเมธะโส           เป็นผู้ละกิเลสเครื่องโลเล เป็นพระอริยเจ้า มีปัญญาดี
วันทามิ สังฆัง อะหะมาทะเรนะ ตัง    ข้าพเจ้าไหว้พระสงฆ์หมู่นั้น โดยใจเคารพเอื้อเฟื้อ
อิจเจวะเมกันตภิปูชะเนยยะกัง  วัตถุตตะยัง วันทะยะตาภิสังขะตัง ปุญญัง มะยา ยัง มะมะ สัพพุปัททะวา มา โหนตุ เว ตัสสะ ปะภาวะสิทธิยา
                                                                     บุญใด ที่ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งวัตถุสาม คือ พระรัตนตรัยอันควร บูชายิ่งโดยส่วนเดียว ได้กระทำแล้วเป็นอย่งยิ่ง เช่นนี้ ขออุปัทวะ(ความชั่ว) ทั้งหลาย จงอย่ามีแก่ข้าพเจ้าเลย ด้วยอำนาจความสำเร็จ อันเกิดจากบุญนั้น
.............................................
๕. สังเวควัตถุปริกิตตนปาฐะ
อิธะ ตะถาคะโต โลเก อุปปันโน          พระตถาคตเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลกนี้
อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ                      เป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
ธัมโม จะ เทสิโต นิยยานิโก                   และพระธรรมที่ทรงแสดง เป็นธรรมเครื่องออกจากทุกข์
อุปะสะมิโก ปะรินิพพานิโก                  เป็นเครื่องสงบจากกิเลส เป็นไปเพื่อปรินิพพาน
สัมโพธะคามี สุคะตัปปะเวทิโต            เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม เป็นธรรมที่พระสุคตประกาศ
มะยันตัง ธัมมัง สุตวา เอวัง ชานามะ  พวกเราเมื่อได้ฟังธรรมนั้นแล้ว จึงได้รู้อย่างนี้ว่า
ชาติปิ ทุกขา                                               แม้ความเกิดก็เป็นทุกข์
ชะราปิ ทุกขา                                             แม้ความแก่ก็เป็นทุกข์
มะระฌัมปิ ทุกขัง                                     แม้ความตายก็เป็นทุกข์
โสกะปะริเทวะทุกขะโทมะนัสสุปายาสาปิ ทุกขา        แม้ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ก็เป็นทุกข์
อัปปิเยหิ สัมปะโยโค ทุกโข                   ความประสบกับสิ่งไม่เป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์
ปิเยหิ วิปปะโยโค ทุกโข                         ความพลัดพรากจากสิ่งเป็นที่รักที่พอใจ ก็เป็นทุกข์
สังขิตเตนะ ปัญจุปาทานักขันทา ทุกขา          ว่าโดยย่อ อุปานขันธ์ทั้งห้า เป็นตัวทุกข์
เสยยะถิทัง                                                  ได้แก่สิ่งเหล่านี้
รูปูปาทานักขันโธ                                     ขันธ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ รูป
เวทะนูปาทานักขันโธ                              ขันธ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ เวทนา
สัญญาปาทานักขันโธ                              ขันธ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ สัญญา
สังขารูปาทานักขันโธ                              ขันธ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ สังขาร
วิญญาณูปาทานักขันโธ                           ขันธ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดมั่น คือ วิญญาณ
เยสัง ปะริญญายะ                                     เพื่อให้สาวกกำหนดรอบรู้อุปาทานขันธ์เหล่านี้เอง
ธะระมาโน โส ภะคะวา                         จึงพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เมื่อยังทรงพระชนม์อยู่
เอวัง พะหุลั สาวะเก วิเนติ                     ย่อมทรงแนะนำสาวกทั้งหลาย เช่นนี้เป็นส่วนมาก
เอวัง ภาคา จะ ปะนัสสะ ภะคะวะโต สาวะเกสุ อะนุสาสะนี พระหุลา ปะวัตตะติ
                                                                     อนึ่ง คำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ย่อมเป็นไปในสาวกทั้งหลาย ส่วนมาก มีส่วนคือ การจำแนกอย่างนี้ว่า
รูปัง อะนิจจัง                                             รูปไม่เที่ยง
เวทะนา อะนิจจัง                                      เวทนาไม่เที่ยง
สัญญา อะนิจจา                                        สัญญาไม่เที่ยง
สังขารา อะนิจจา                                      สังขารไม่เที่ยง
วิญญาณัง อะนิจจัง                                   วิญญาณไม่เที่ยง
รูปัง อะนัตตา                                            รูปไม่ใช่ตัวตน
เวทะนา อะนัตตา                                     เวทนาไม่ใช่ตัวตน
สัญญา อะนัตตา                                        สัญญาไม่ใช่ตัวตน
สังขารา อะนัตตา                                      สังขารไม่ใช่ตัวตน
วิญญาณัง อะนัตตา                                  วิญญาณไม่ใช่ตัวตน
สัพเพ สังขารา อะนิจจา                          สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง
สัพเพ ธัมมา อนัตตาติ                             ธรรมทั้หลายทั้งปวง ไม่ใช่ตัวตนดังนี้
เต (สำหรับผู้หญิงใช้ ตา) มะยัง โอติณณามหะ            พวกเราทั้งหลายเป็นผู้เป็นผู้ถูกครอบงำแล้ว
ชาติย                                                           โดยความเกิด
ชะรามะระเณนะ                                      โดยความแก่ และความตาย
โสเกหิ ปะริเทเวหิ ทุกเขหิ โทมะนัสเสหิ อุปายาเสหิ
                                                                     โดยความโศก ความร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจทั้งหลาย
ทุกโขติณณา                                               เป็นผู้ถูกความทุกข์ หยั่งเอาแล้ว
ทุกขะปะเรตา                                            เป็นผู้มีความทุกข์ เป็นเบื้องหน้าแล้ว
อัปเปวะนามิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยา ปัญญาเยถาติ
                                                                     ทำไฉน การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จะพึงปรากฏชัด แก่เราได้

(บทสวดต่อสำหรับ อุบาสก อุบาสิกา)
จิระปะระนิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง สะระณัง คะตา
                                                                     เราทั้งหลาย ผู้ถึงแล้วซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า แม้ปรินิพพานนานแล้ว พระองค์นั้น เป็นสรณะ
ธัมมัญจะ สังฆัญจะ                                 ถึงพระธรรมด้วย ถึงพะสงฆ์ด้วย
ตัสสะ ภะคะโต สาสะนัง  ยะถาสะติ ยะถาพะลัง มะนะสิกะโรมะ อะนุปะฏิปัชชามะ
                                                                     จักทำในใจอยู่ ปฏิบัติตามอยู่ ซึ่งคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นตามสติกำลัง
สา สา โน ปะฏิปัตติ                                 ขอให้ความปฏิบัตินั้นๆ ของเราทั้งหลาย
อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตุ
                                                                     จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ เทอญ.
(จบคำทำวัตรเช้า)

(บทสวดต่อสำหรับ ภิกษุ สามเณร)
จิระปะรินิพพุตัมปิ ตัง ภะคะวันตัง อุททิสสะ อะระหันตัง สัมมาสัมพุทธัง
                                                                     เราทั้งหลาย อุทิศเฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง แม้ปรินิพพานนานแล้วพระองค์นั้น
สัทธา อะคารัสมา อะนะคาริยังปัพพะชิตา   เป็นผู้มีศรัทธา ออกบวชจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนแล้ว
ตัสมิง ภะคะวะติ พรหมมะจะริยัง จะรามะ  ประพฤติอยู่ซึ่งพรหมจรรย์ ในพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ภูกขูนัง สิขาสาชีวะสะมาปันนา           ถึงพร้อมด้วยสิกขาและธรรมเป็นเครื่องเลี้ยงชีวิตของภิกษุทั้งหลาย
ตัง โน พรหมมะจะระยัง อิมัสสะ เกวะลัสสะ ทุกขักขันธัสสะ อันตะกิริยายะ สังวัตตะตูติฯ
                                                                     ขอให้พรหมจรรย์ของเราทั้งหลายนั้น จงเป็นไปเพื่อการทำที่สุดแหงกองทุกข์ทั้งสิ้นเทอญ
.............................................