ติลักขณาทิคาถา
หันทะ มะยัง ติลักขะณาคาถาโย
ภะณามะ เส
เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงกล่าวคาถาแสดงพระไตรลักษณ์เป็นเบื้องต้นเถิด
.............................................
สัพเพ สังขารา อะนิจจาติ ยะทา
ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคล เห็นด้วยปัญญาว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง
อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ
มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์
ที่ตนหลง นั่นแหละ เป็นทางแห่งพระนิพพาน อันเป็นธรรมดาหมดจด
สัพเพ สังขารา ทุกขาติ ยะทา
ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์
อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ
มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์
ที่ตนหลง นั่นแหละ เป็นทางแห่งพระนิพพาน อันเป็นธรรมดาหมดจด
สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา
ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า
ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา
อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ
มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์
ที่ตนหลง นั่นแหละ เป็นทางแห่งพระนิพพาน อันเป็นธรรมดาหมดจด
อัปปะภา เต มะนุสเสสุ เย ชะนา
ปาระคามิโน
ในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย
ผู้ที่ถึงฝั่งแห่งพระนิพพานมีน้อยนัก
อะถายัง อิตะรา ปะชา
ตีระเมวานุธาวะติ
หมู่มนุษย์นอกนั้น ย่อมวิ่งเลาะอยู่ตาฝั่งในนี่เอง
เย จะ โข สัมมะทักขาเต ธัมเม
ธัมมานุวัตติโน
ก็ชนเหล่าใดประพฤติสมควรแก่ธรรม
ในธรรมที่ตรัสไว้ชอบแล้ว
เต ชะนา ปาระเมสสันติ
มัจจุเธยยัง สุทุตตะรัง
ชนเหล่าใดจักถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน ข้ามพ้นบ่วงแห่งมัจจุราชที่ข้ามได้ยากนัก
กัณหัง ธัมมัง วิปปะหายะ สุกกัง
ภาเวถะ ปัณฑิโต
จงเป็นบัณฑิตละธรรมดำเสีย แล้วเจริญธรรมขาว
โอกา อะโนกะมาคัมมะ วิเวเก
ยัตถะ ทูระมัง ตัตราภิระติมิจเฉยยะ หิตวา
กาเม อะกิญจะโน
จงมาถึงที่ไม่มีน้ำ จากที่มีน้ำ จงละกามเสีย เป็นผู้ไม่มีความกังวล
จงยินดีเฉพาะต่อพระนิพพานอันเป็นที่สงัด ซึ่งสัตว์ยินดีได้ โดยยาก
.............................................