ธรรมชาติของทุกคนย่อมต้องการเป็นที่รักของผู้อื่น ไม่ต้องการเป็นที่รังเกียจของใครๆ วิธีทำให้คนอื่นรักมีด้วยกันหลากหลายตามความเชื่อที่ต่างกันออกไป ไม่เว้นแม้แต่การหันไปพึ่งคุณไสยหรือเวทมนต์คาถา เพื่อช่วยให้ดลใจให้คนอื่นรัก ทางพระพุทธศาสนาได้สอนหลักปฏิบัติสำหรับยึดเหนี่ยวใจคนให้เกิดความรักที่เรียกว่า สังคหวัตถุหรือมนต์รักไว้สี่ประการคือ
๑.ทาน
เป็นผู้ให้ ยินดีเสียสละแบ่งปัน ทั้งเพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น และเพื่อแสดงน้ำใจ
๒.ปิยวาจา
จะพูดอะไรก็พูดด้วยถ้อยคำที่ไพเราะน่าฟัง แม้จะต้องตำหนิกล่าวโทษ
ก็แสดงเหตุผลด้วยถ้อยคำสุภาพ ไม่หยาบกระด้างหรือใช้อารมณ์
๓.อัตถจริยา
ทำตังให้เป็นประโยชน์ ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยกำลังกาย กำลังความคิด
แม้เขาไม่ออกปากก็มีน้ำใจ ไม่ดูดาย
๔.สมานัตตตา
วางตัวเหมาะสม คือวางตัวเสมอต้นเสมอปลาย และเหมาะสมกับฐานะที่เป็น
เช่นในฐานะที่เป็นลูก เป็นพ่อแม่ เป็นสามีภรรยา เป็นเพื่อน ฯลฯ
ความรักเป็นเรื่องของจิตใจ
ต้องอาศัยความดีเป็นสะพานเชื่อมให้เกิดความซาบซึ้งประทับใจต่อกัน
มนต์รักจึงไม่ใช่มนต์ดำที่ปกปิด แต่เป็นมนต์ขาวที่เปิดเผย
ไม่ใช่มนต์เสกแต่เป็นมนต์สร้าง
อันวิชาอาคมผสมเสน่ห์ สำแดงเล่ห์หลอกคนว่ามนต์ขลัง
เสียเวลาประวิงไม่จริงจัง เพราะมนต์ขลังมีอยู่ทั่วในตัวเรา
คือกิริยาวาจาอัชฌาสัย แม้ทำไว้ให้ดีไม่มีเฉา
ประชาชนยลพักตร์ย่อมรักเรา ไม่ต้องเป่าเสกสั่งก็ขลังเอง.
............................................