เรามักได้ยินการพูดถึงค่าของคนอยู่เสมอ
ทำให้ใครๆ ก็อยากเป็นคนดีมีค่ากันทั้งนั้น
ค่าของคนนั้นโดยมากก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนว่าจะนำสิ่งใดมากำหนดว่าสมควรจะมีองค์ประกอบอะไรบ้างว่าจึงจะเรียกว่าค่าของคน
ทั้งนี้ก็ขึ้นกับมุมมองในแง่ต่างๆ ในเหตุการณ์และสถานการณ์ต่างๆ
แต่มีพื้นฐานตามทางธรรมได้บอกไว้อย่างน้อยสี่ข้อสำหรับพื้นฐานของค่าของคน
ที่สมควรต้องมีและรักษาไว้ให้ได้ก่อน ดังนี้
๑.มองไกล
ได้แก่มองอย่างทั่วถึงตลอดสาย เช่น เมื่อเห็นคนที่เจริญรุ่งเรือง
หรือเห็นคนที่ตกต่ำหายนะก็ไม่มองแค่ความรุ่งเรืองหรือความตกต่ำที่ปรากฏ
แต่มองต่อไปถึงการทำงาน วิธีคิด การดำรงตนที่ทำให้เขาเป็นอย่างนั้น
คือมองเข้าไปจนถึงเหตุปัจจัยลักษณะเด่นของคนๆ นั้น โดยต้องมีวิธีคิด
ที่เรียกว่าคิดเป็น
๒.ใฝ่ดี
คือดีด้วยความสมัครใจ ดีเพราะศรัทธาในความดี ดำเนินชีวิตด้วยความสุจริต
ขยันหมั่นเพียร แม้จะมีสิ่งเย้า ก็ไม่หวั่นไหวตั้งมั่นในความดีนั้นๆ อย่างแน่วแน่
๓.ทำหน้าที่ถูกต้อง
ปฏิบัติหน้าที่ได้เหมาะสมกับฐานะที่เป็นอยู่
ทั้งหน้าที่การงานและหน้าที่ที่มีต่อบุคคลรอบข้าง
หน้าที่พ่อหรือแม่ หน้าที่สามีหรือภรรยา หน้าที่ของลูก หน้าที่ต่อญาติมิตรและเพื่อนพร้อง
หน้าที่ต่อเพื่อนร่วมงานในทุกระดับ ต้องรู้ถึงหน้าที่ที่ถูกต้องนี้จนรู้สึกว่าไม่มีสิ่งไหนที่ควรต้องทำแต่ต้องทำให้เป็นหน้าที่
แม้บางเรื่องจะยังทำไม่สำเร็จก็ต้องไม่ละทิ้ง
๔.อยู่ในครรลองแห่งแบบแผน
คือมีระเบียบวินัยเป็นกรอบในการดำเนินชีวิต ไม่ใช่ให้ชีวิตผ่านไปวันๆ ตามอำเภอใจ
หรือกำหนดกฎเกณฑ์จนอยากที่จะปฏิบัติตามให้ผ่านไปได้ ทั้งนี้ให้อยู่ในระดับพอดี
ไม่ละเลยและก็ไม่เข้มงวดจนเกินไป
ในการแสวงหาค่าให้กับตนเองนั้นเป็นเรื่องที่ดี
แต่ถ้าคิดว่าต้องทำให้คนอื่นยอมรับ ให้เขาเห็นความสำคัญเสียก่อนจึงจะเป็นคนมีค่า
ก็ไม่ถูกต้องนัก
อันที่จริงต้องทำตัวเองนั่นแหละให้มีค่าเสียก่อนจึงจะได้รับการยอมรับ แต่หากทำไม่ได้จริง
ถึงได้รับการยอมรับก็จะเป็นเพียงแค่ค่านิยมเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับคำว่า “ค่าของคน”
เลย
............................................