ความหมายของ “ครู”
ที่เรียกกันในอีกชื่อหนึ่งว่า “แม่พิมพ์”
หมายถึงคนที่เป็นแบบอย่างหรือสิ่งที่เป็นต้นแบบ ความหมายที่สอดรับกับภาษิตจีนที่ว่า
“ครึ่งชีวิตแรกเรียนรู้จากโรงเรียน ครึ่งชีวิตหลังเรียนรู้จากชีวิตจริง”
และจากภาษิตดังกล่าวนี้สามารถแบ่ง “ครู” ได้ ๒ ประเภท
๑.
ครูโรงเรียน หมายถึง ครูผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์ และสอนวิทยาการด้านต่างๆ
ในห้องเรียน ครูประเภทนี้นับเป็นปูชนียบุคคลรองจากบิดามารดา
เพราะเป็นผู้จุดประทีปทางปัญญา
๒.
ครูชีวิต หมายถึง ครูผู้ทำให้ดูเป็นแบบอย่าง มีความหมายครอบคลุมถึงคน สัตว์
และเหตุการณ์ทุกอย่างที่เป็นแม่พิมพ์ให้ประพฤติปฏิบัติตามในทางที่ดี
และละเว้นในทางที่ไม่ดีได้
ครูประเภทนี้นับว่ามีอิทธิพลสำคัญอย่างยิ่งต่อการกเปลี่ยนแปลงและแสดงพฤติกรรของคนเรา
ทุกวันนี้ถ้าเราสังเกตสักให้ดี
ก็จะได้พบได้เห็นหรือรับรู้พฤติกรรมที่มีผู้กระทำให้ดูเป็นแบบอย่างในฐานะ
“ครูชีวิต” อยู่เสมอ เช่น
อาจารย์หนึ่งอ้างตัวเป็นคนวิเศษ
สร้างเรื่องเปรตปลอมขึ้นมาหลอกลวงผู้คน
จนในที่สุดก็ถูกจับได้และต้องไปนอนชดใช้กรรมชั่วที่ตัวกระทำในคุก
ก็ถือเป็นครูชีวิตคนหนึ่ง
อดีตนักการเมืองผู้หนึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด
ได้ฝากข้อคิดคำเตือนคนที่สูบบุหรี่ว่า
“...อย่ารอให้เป็นโรคร้ายเสียก่อนจึงจะคิดเลิก ละ เพราะอาจจะสายเกินแก้...”
นี่ก็ถือเป็นครูชีวิตอีกคนหนึ่ง
นักศึกษาจากสถานศึกษาแห่งหนึ่งหลงผิดติดการพนันฟุตบอลจนเป็นหนี้สิน
ต้องแก้ปัญหาให้กับชีวิตด้วยการฆ่าชิงทรัพย์ แล้วก็ถูกจับได้ในที่สุด
การเรียนก็สะดุด ยุติอนาคตอันสดใสไว้แต่เพียงนั้น นี่ก็เป็นครูชีวิตเช่นกัน
การศึกษาหาความรู้จากครูโรงเรียนนั้น
เราแต่ละคนอาจจะทำได้ไม่เท่ากัน เพราะความไม่เท่าเทียมกันโดยฐานะทางเศรษฐกิจ
ระดับสติปัญญาตลอดจนจังหวะเวลาและโอกาส แต่การศึกษาหาประสบการณ์จากครูชีวิตนั้น
เราทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันเสมอ เพราะสิ่งที่อยู่รอบตัวเราก็ดี
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เราได้รู้ได้เห็นทุกเมื่อเชื่อวันก็ดี
ล้วนเป็นครูชีวิตของเราได้ทั้งสิ้น
สำคัญอยู่ที่ว่าเราจะฉวยประโยชน์จากครูชีวิตได้เพียงไร และจะเลือกเดินทางในทางไหน
ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราก็เท่านั้น
...................................