กรรม
แปลตามตัวอักษรหมายถึงการกระทำ
ทำดีเรียกว่ากุศลกรรม ทำไม่ดีเรียกว่าอกุศลกรรม ทำดีย่อมให้ผลเป็นความดี
ทำไม่ดีย่อมให้ผลเป็นความไม่ดี เพราะการกระทำและผลของการกระทำย่อมสอดคล้องกันเสมอ
เปรียบเสมือนการเพราะปลูกพืชพันธุ์ เช่น ปลูกขนุนเมื่อออกดอกมีผลก็ต้องเป็นขนุน
ปลูกมะม่วง เมื่อออกดอกออกผลก็ต้องเป็นมะม่วงอย่างแน่นอน
อุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ใช้ก่อสร้างกรรมดีและกรรมไม่ดีมี ๓ อย่าง คือ ๑.กายกรรม
หมายถึงกระทำด้วยกาย หรือการกระทำทางกาย ๒.วจีกรรม หมายถึงกระทำด้วยวาจา
หรือการกระทำทางวาจา ๓.มโนกรรม กระทำด้วยใจ หรือการกระทำทางใจ
รูปแบบหรือตัวอย่างของกรรมดีหรือกรรมไม่ดีจัดเป็นคู่ๆ
ดังนี้ กายกรรมที่ดีคือ ไม่ฆ่า ไม่ขโมย ไม่ประพฤติผิดทางกาม กายกรรมที่ไม่ดีคือฆ่า
ขโมย ประพฤติผิดทางกาม วจีกรรมที่ดีคือ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ
วจีกรรมที่ไม่ดีคือ พูดเท็จ พูดส่อเสีย พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มโนกรรมที่ดีคือ
ไม่เพ่งเล็งอยากได้ของผู้อื่น ไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่น
มีความเห็นถูกต้องตามครรลองคลองธรรม มโนกรรมที่ไม่ดีคือ อยากได้ของผู้อื่น
คิดเบียดเบียนคนอื่น เห็นผิดเป็นชอบ ไม่อายชั่ว
กลัวบาป ขี้อิจฉาริษยา เป็นต้น
แหล่งเกิดของกรรมดี
เรียกกันว่ากุศลมูลคือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ คือ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง
ในทางตรงข้ามแหล่งเกิดของกรรมไม่ดีคือ โลภะ โทสะ โมหะ คือ โลภ โกรธ หลง
เมื่อทราบถึงกรรมดี
กรรมไม่ดี อุปกรณ์หรือเครื่องมือทำกรรมและแหล่งของกรรมครบถ้วนแล้ว
ขอให้พิจารณาถึงความเป็นจริงในชีวิตประจำวันว่าการการะทำทางกาย วาจา ใจ
ส่วนใหญ่เป็นความดี หรือความไม่ดี ถ้าดีมากกว่าไม่ดี ก็จะมีความสุขใจ สบายใจ
ไม่เดือดร้อนในสิ่งที่ไม่น่าจะเดือดร้อน เรียกว่า ได้ภพภูมิที่ดี
ในทางตรงกันข้ามถ้าไม่ดีมากกว่าดี ก็จะมีแต่ความไม่สบายใจ เดือดร้อนใจ เรียกว่า
ได้ภพภูมิที่ไม่ดี
ความสุขหรือความทุกข์จึงเป็นเรื่องของกรรมลิขิตให้เป็นไปตามที่เจ้าของชีวิตกระทำเอง
หากต้องการให้กรรมลิขิตในทางดีก็ต้องทำดี กรรมลิขิตให้ไม่ดีก็เพราะทำไม่ดี
จะเลือกทางดีหรือ ทางไม่ดี ก็ย่อมให้กรรมลิขิตได้ตามประสงค์
.......................................