มีความเชื่อกันว่า
เทวดาเป็นชีวิตประเภทหนึ่งที่เกิดในภพสูงกว่ามนุษย์ สถิตอยู่บนสวรรค์
มีความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายกว่ามนุษย์มาก อุปโภคบริโภคแต่สิ่งของที่เป็นทิพย์
เหาะไปได้ตามปรารถนา ด้วยความเป็นอยู่ที่พิเศษดังกล่าว มนุษย์จำนวนมากเมื่อทำบุญหรือทำความดีจึงมักตั้งจิตอธิษฐานเพื่อให้ตนไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์
เทวดาดังกล่าว
เป็นภาวะที่มนุษย์จะพึงได้เกิดได้เป็นหลังตายจากโลกนี้ไปแล้ว เป็นเรื่องไกลตัว
พิสูจน์ยากและยากที่จะรับประกันได้ว่า ทำบุญขนาดไหนจึงจะได้ไปเกิดเป็นเทวดา อย่างไรก็ตามพระพุทธศาสนามีแนวคำสอนอยู่ว่า
มนุษย์สามารถเปลี่ยนแปลงภาวะได้ด้วยแรงกรรมคือความประพฤติของตนเอง เช่น
ถ้าใครประพฤติตนเป็นคนขี้ลักขโมย เขาก็จะเปลี่ยนภาวะเป็นโจรทันที
ถ้าใครขยันศึกษาเล่าเรียน เขาก็จะเป็นบัณฑิต ถ้าใครบวชแล้วรักษาศีล ๒๒๗ ข้อ เขาก็จะเป็นภิกษุ
และถ้าใครมีความละอายใจที่จะทำชั่ว
พร้อมทั้งกลัวผลร้ายที่จะเกิดขึ้นหลังจาทำชั่วนั้น คุณธรรมในใจเช่นนี้
พระท่านเรียกว่า หิริโอตตัปปะ
จะมีสภาพเหมือนเกราะอันเหนียวแน่นป้องกันความชั่วทั้งปวงได้
ผู้มีสภาพจิตเช่นนี้จะเปลี่ยนภาวะเป็นเทวดาทันที โดยมีพุทธศาสนสุภาษิต ว่า
“หิริโอตตัปปะสัมปันนา สุกกะธัมมะ
สะมาหิตา สันโต สัปปุรสา โลเก เทวะธัมมาติ
วุจจะเร”
ผู้ที่สมบูรณ์ ด้วยหิริโอตตัปปะ
(ละอายชั่วกลัวบาป) มั่นคงอยู่ในกุศลธรรม สงบระงับบาปได้แล้ว ท่านเรียกว่า
เป็นเทวดาในโลก
การเป็นเทวดาในโลก
หรือจะเรียกว่าเป็นเทวดาเดินดินดังหัวเรื่อง เป็นเรื่องใกล้ตัว
พิสูจน์ง่ายและรับประกันได้แน่นอนว่าถ้ามีคุณธรรมดังที่แสดงไว้นี้
เราก็สามารถเป็นเทวดาได้ทันที ไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า และที่สำคัญที่สุดก็คือ
มนุษย์เป็นเทวดาเดินดินกันมากเท่าใด โลกก็จะมีความสงบร่มเย็นมากขึ้นเท่านั้น
.......................................