วันที่
๑๖ มกราคม ทางราชการกำหนดให้เป็นครู
เป็นวันที่ศิษยานุศิษย์จัดงานเพื่อน้อมรำลึกถึงคุณงามความดีของครู
ซึ่งถือว่าเป็นปูชนียบุคคลที่ควรยกย่องและเทิดทูนอย่างยิ่ง เพราะครูเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทความรู้และอบรมสั่งสอนให้ศิษย์ทุกคนเป็นคนดีของสังคมและประเทศชาติ
ครูที่มีอยู่ในโลกนี้ มีผู้แบ่งออกเป็นสามชั้นที่น่าสนใจ คือ
๑.ครูประจำบ้าน
ได้แก่ พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ซึ้งถือว่าเป็นบุรพาจารย์
คืออาจารย์หรือครูคนแรกของลูกที่สอนให้เราได้ พูด นั่ง ยืน เดิน นอน ฯลฯ
๒.ครูประจำโรงเรียน
ได้แก่ ครูอาจารย์ที่สอนศิลปวิทยาให้แก่ศิษย์อย่างสิ้นเชิง โดยไม่ปิดบังอำพราง
ให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ทั้งฝึกฝนแนะนำให้เป็นคนดีและยกย่องให้ปรากฏในหมู่คณะ
ตลอดจนสร้างเครื่องคุ้มภัยในทุกสารทิศ คือฝึกสอนให้รู้จักเลี้ยงตัว
รักษาตนให้ดำเนินไปด้วยดีนั่นเอง
๓.ครูประจำโลก
ได้แก่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นครูทั้งของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ทรงเป็นพระบรมครูที่ทรงแนะนำสัตว์โลกทั้งปวงให้พ้นจากทุกข์
และให้มีสันติสุขภายในใจ คือ สะอาด สว่าง สงบ
ครูอาจารย์นั้นเป็นบุคคลสำคัญในชีวิตของศิษย์ทีเดียว
จึงต้องเป็นได้ทั้งเยี่ยงเป็นได้ทั้งอย่าง หรือเรียกว่าเป็นแม่พิมพ์ของศิษย์ได้
ถ้าครูอาจารย์มีข้อที่น่ารังเกียจ
โดยเฉพาะครูประจำโรงเรียนก็จะทำให้ศิษย์พูดถึงหรือประกาศคุณความดีของครูได้ไม่เต็มปาก
ไม่เต็มคำ ก่อให้เกิดความกระอักกระอ่วนในจิตใจ
พระพุทธเจ้าตรัสถึงครูที่ควรไหว้หรือควรสักการบูชาไว้เจ็ดประเภท
คือ
๑.ครูที่ทำตัวให้ศิษย์รัก
(ปิโย) ๒.ครูหนักแน่นในจรรยา
(คะรุ)
๓.ครูพัฒนาความรู้
(ภาวะนีโย) ๔.ครูสู้อุตสาห์สอนศิษย์ตน
(วัตตา)
๕.ครูอดทนต่อคำหยาบคาย
(วะจะนักขะโม) ๖.ครูขยายคำลึกซึ้ง
(คัมภีรัง กะถัง กัตตา)
๗.ครูไม่ดึงศิษย์ไปในทางเสียหาย
(โนจัฏฐาเน นิโยชะเย)
ดังนั้นเมื่อวันครูเวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้ง
ในฐานะที่เราทั้งหลายเป็นศิษย์มีครู ก็ควรน้อมรำลึกถึงพระคุณของท่านเหล่านั้น
และบูชาท่านด้วยอามิสบูชาคือวัตถุสิ่งของตามสมควร
และปฏิบัติบูชาคือด้วยการปฏิบัติตามคำสั่งสอนของท่านอย่างเคร่งครัดด้วยกตัญญูกตเวที
ก็จะเป็นความดีเป็นสิริมงคลแก่เราผู้เป็นศิษย์และเป็นการประกาศเกียรติคุณของครูได้อีกทางหนึ่ง
............................................