โบราณกล่าวว่า
ฟังเทศน์ฟังธรรมง่วงเหงาหาวนอน ดูหนังดูละครตาสว่าง
การฟังเทศน์ฟังธรรมรู้สึกกันว่า เป็นยาขมหม้อใหญ่สำหรับคนทั่วไป
มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ในหน่วยราชการเมื่อมีการประกาศว่า
บ่ายนี้จะมีเทศน์หรือมีบรรยายธรรม ขอเชิญทุกท่านเข้าฟังโดยพร้อมเพรียงกัน
คนส่วนมากจะเกิดความรู้สึกต่อต้านในใจ ไม่อยากไปก้าวขาไม่ออก
ส่วนน้อยที่ยินดีและเต็มใจไปฟังด้วยคิดว่า
วันนี้จะได้ประกอบกุศลทำผลบุญคือทำบุญด้วยการฟังธรรม
การฟังเทศน์ฟังธรรมมีมาแต่สมัยพุทธกาล
มีเรื่องในชาดกเล่าว่า ครั้งหนึ่งขณะที่พระพุทธเจ้ากำลังทรงแสดงธรรมอยู่นั้น
ปรากฏว่าคนฟังมีพฤติกรรมแปลกๆ
นั่งหลับบ้าง มองท้องฟ้าหรือแหงนดูดาวบ้าง แหย่เล่นกับเพื่อนบ้าง
ขีดเขียนดินเล่นบ้าง บางคนก็ฟังด้วยความเคารพ
หลังจบพระธรรมเทศนามีอุบาสกท่านหนึ่งเข้าไปทูลถามเกี่ยวกับพฤติกรรมเหล่านี้
พระองค์ทรงตรัสว่า คนที่นั่งหลับเวลาฟังธรรม ชาติก่อนเคยเกิดเป็นงูเหลือม
เพราะงูเหลือมหลังจากกินอาหารเต็มอิ่มแล้วก็จะหลับ คนที่มองท้องฟ้าหรือแหงนดูดดาว
ชาติก่อนเคยเกิดเป็นหมอดูหรือนักพยากรณ์ ดวงชะตาราศี คนที่ชอบแหย่เพื่อนเล่น
ชาติก่อนเคยเกิดเป็นลิงจึงอยู่ไม่เป็นสุข
แหย่คนโน้นทีคนนี้ทีตามสัญชาติญาณเดิมที่ติดตัวมา คนที่ขีดเขียนดินเล่น
ชาติก่อนเคยเกิดเป็นไส้เดือนจึงมีอาการแสดงออกคล้ายจะหาที่อยู่เดิมของตน
ส่วนคนที่ฟังธรรมด้วยความเคารพ ชาติก่อนเคยเกิดเป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิต
จึงสนใจและเอาใจจดจ่ออยู่กับการฟังตลอดเวลามีความกระตือรือร้นในทางก้าวหน้าอยู่เสมอ
จึงฟังด้วยความสุขใจ เอิบอิ่มใจ
อานิสงส์จากการฟังธรรม
มี ๕ อย่างด้วยกันคือ
๑.
อัสสุตัง สุณาติ ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟังและได้เรียนรู้สิ่งที่ยังไม่เคยเรียนรู้
๒.
สุตัง ปะระโยทะเปติ สิ่งที่เคยได้ฟังแล้วก็จะทำให้เข้าใจชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งขึ้น
๓.
กังขัง วิหะนะติ สามารถแก้ข้อข้องใจ บรรเทาความสงสัยในเรื่องนั้นๆ ได้
๔.
ทิฏฐิง อุชุง กะโรติ ทำความเห็นให้ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม
๕.
จิตตะมัสสะ ปะสีทะติ จิตใจย่อมผ่องใส คือสะอาด สงบ และสว่าง
การฟังธรรมเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง
เรียกว่า ธัมมัสสวนมัย คือบุญสำเร็จได้ด้วยการฟังธรรม ขอให้ลองสำรวจดูตัวเองว่า
เวลาฟังเทศน์ฟังธรรม เรามีพฤติกรรมอย่างไรในบรรดาพฤติกรรมเหล่านั้น
ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น
อันจะเป็นเหตุให้ได้รับอานิสงส์แห่งการฟังธรรมอย่างสมบูรณ์
........................................