เมื่อกล่าวถึง สีทุกสี ย่อมเป็นที่สะดุดตาของมนุษย์
และหากนำเอาสีเหล่านั้นเข้ามามีส่วนสัมพันธ์กับชีวิตประจำวัน เช่น วันอาทิตย์สีแดง
วันจันทร์สีเหลือง เป็นต้น ก็จะเพิ่มความสำคัญให้กับสีเหล่านั้นมากยิ่งขึ้นสีของ
ไฟสัญญาณจราจรก็มีความสำคัญ เช่น คนที่กำลังขับรถมาต้องชะลอรถลง
เมื่อถึงที่ที่มีไฟสัญญาณ และเตรียมหยุดเมื่อเห็นไฟสีเหลือง
หยุดรถทันทีที่เห็นไฟสีแดง จะออกรถอีกครั้งเมื่อไฟสีเขียวปรากฏ
สีเหล่านี้จะมีอิทธิพลมากต่อมนุษย์ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในสังคมเมือง
สีตรงกับคำบาลีว่า
วัณณะ และเป็นพรข้อที่ ๒ ในพรสี่ประการ เวลาที่พระสงฆ์สวดมนต์ให้พรข้อนี้
ท่านจะกล่าวว่า ขอให้เจริญด้วยวรรณะ หมายถึงให้มีสีผิวดีนั่นเอง ท่านกล่าวว่า
คนที่มีสีผิวดีนั้น ถ้าเป็นคนผิวขาวจะต้องขาวหมดจด ไม่มีจุดดำๆ ด่างๆ
และถ้าเป็นคนมีสีผิวดำก็ต้องดำสนิท ดำสะอาด คนที่มีผิวดีเช่นนี้เป็นเรื่องของบุญของกรรมแต่ง
หรือเผ่าพันธุ์ ติดตัวมาแต่เกิด เราไม่สามารถไปเปลี่ยนได้
สิ่งที่พอจะทำได้ในปัจจุบัน เพื่อให้สีผิวดูดีมีคุณค่าน่ามอง
จะต้องปฏิบัติตามบันได ๓ ขั้น คือ
๑. ใส่เสื้อผ้าถูกสี เช่น
การพิจารณาคัดเลือกสีผ้าให้เหมาะกับสีผิว การแต่งกายด้วยผ้าที่มีสีเหมือนกันทั้งสีผ้าและเครื่องแต่งกายจะช่วยเสริมสีผิวให้เด่นขึ้น
เข้าทำนองว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง”
๒. ทำดีต่อร่างกาย เช่น
การรักษาร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอ การบริโภคแต่อาหารที่มีประโยชน์
พักผ่อนตามความเหมาะสม สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้สีผิวมีความสดชื่นเปล่งปลั่งขึ้น
๓.
ฝึกใจให้รื่นเริง เช่น ฝึกมองโลกในแง่ดี ฝึกบรรเทาความโลภ โกรธ หลง
ใจก็จะโปร่งใสเบาสบาย ส่งผลให้สีผิวผ่องใสตามไปด้วย
คนที่มีสีผิว
ตามบทพระบาลีว่า “วัณณะวัฑฒะโก” แปลว่า ผู้เจริญด้วยวรรณะ
ซึ่งอาจมีติดตัวมาแต่กำเนิด หรือทำให้มีขึ้นในภายหลังด้วยการปฏิบัติตามบันได ๓
ขั้น ดังกล่าวแล้ว จะช่วยให้เป็นคนที่มีบุคลิกภาพดี สง่างาม
ก่อให้เกิดความประทับใจแก่ผู้พบเห็นมิรู้ลืม
และยังเป็นฐานหมุนให้ประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่ควรลืมว่า
แม้ผิดพรรณจะดี แต่ถ้าไม่ แต่ถ้าจิตใจเศร้าหมองก็ไม่ผ่องใส
แต่ถ้าจิตใจมีคุณธรรมแม้ผิวพรรณจะไม่ผุดผ่อง แต่ก็งามได้ ดังคำกล่าวที่ว่า
“ดำแต่นอกในแผ้ว ผ่องเนื้อนพคุณ
...............................