ในช่วงเวลาหลายปีมานี้
มีปัญหามากมายเกิดขึ้นในสังคมเรา เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม
รวมไปถึงปัญหาอันเกิดจากธรรมชาติ คืออุทกภัย เป็นต้น นับว่าสร้างความทุกข์
ความลำบากให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ
ซึ่งประเทศไทยกำลังประสบอยู่ในขณะนี้ มีนักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันชื่อ เวสลี
มิตเชล กล่าวไว้ว่า ธุรกิจมีวงจรชีวิตดังนี้
๑.
เศรษฐกิจเฟื่องฟู ๒.
เศรษฐกิจถดถอย ๓. เศรษฐกิจตกต่ำ ๔.
เศรษฐกิจฟื้นตัว
ไม่ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง
หรือจะอยู่ในช่วงใดก็ตาม สิ่งนั้นไม่ใช่เครื่องตัดสินว่าชีวิตเราจะทุกข์มาก-สุขน้อย
หรือทุกข์น้อย-สุขมาก ตามการขึ้นลงของเศรษฐกิจเสมอไป
ในทางพระพุทธศาสนาท่านสอนให้มองโลกตามความ เป็นจริง
คือสรรพสิ่งในโลกมีลักษณะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป
สิ่งทั้งหลายที่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เป็นไป ย่อมไม่คงที่แปรเปลี่ยนตลอดเวลา
ชาวพุทธจึงควรจะต้องมีสติตั้งมั่น โลกจะเป็นอย่างไร ไม่สำคัญ
ข้อที่สำคัญอยู่ที่ใจของเราเป็นอย่างไร ปรุงแต่งอย่างไร ตัวอย่างเช่น
ถ้าเราเห็นดำแล้วปรุงแต่ดำให้เห็นว่าน่ากลัว เราก็จะได้รับความรู้สึกกลัวขึ้นมา
ถ้าเราเห็นสีดำแล้ว ปรุงแต่งสีดำให้น่ารัก เราจะได้รับความรู้สึกรักขึ้นมา จากสีดำเดียวกันนั้น
อาจให้ทั้งความรู้สึกดีและไม่ดีได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะปรุงแต่งอย่างไร
ฉะนั้น
ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ก็ควรยึดหลักความจริงดังกล่าวไว้ให้มั่นและนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันให้ได้โดยยึดหลักว่า
ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด พยายามแก้ปัญหาให้เต็มความสามารถ
เมื่อเราพยายามเต็มความรู้ความสามารถแล้วยังไม่ดีขึ้นก็ต้องปล่อยวางบ้าง
เพราะปัญหาบางอย่างเราแก้ไขไม่ได้ ต้องปล่อยไปตามกฎธรรมชาติ
แต่เราสามารถแก้ไขใจเราไม่ให้เป็นทุกข์ได้ดังคำกล่าวที่ว่า “ทุกข์มีเพราะยึด
ทุกข์ยึดเพราะอยาก ทุกข์มากเพราะพลอย ทุกข์น้อยเพราะหยุด ทุกข์หลุดเพราะปล่อย”
.....................................