วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

กระทบแต่ไม่กระเทือน


                เมื่อพูดถึงความโกรธความขัดใจ แม้จะเป็นเรื่องไม่ดี ให้โทษนานัปการ แต่ก็เป็นเรื่องที่ละได้ยาก ตัดได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อถูกผู้อื่นทำให้โกรธ บางคนถึงกับขาดสติ ควบคุมตนเองไม่ได้จนเกิดเรื่องเกิดราวก็มี สาเหตุก็เพราะ เมื่อถูกอารมณ์โกรธกระทบแล้วเกิดอาการหวั่นไหว กระเทือนไปตามแรงกระทบไม่สามารถรักษาความหนักแน่นมั่นคงของตนไว้ได้
                การแก้ปัญหาเมื่อถูกกระทบแล้วรู้สึกโกรธวิธีหนึ่ง คือสร้างหลักคิดประจำใจง่ายๆ ๓ ข้อ คือ
                ๑. อย่าเผาตัวเอง คือ ความโกรธเป็นเหมือนไฟ เพราะเมื่อโกรธขึ้นแล้จิตใจจะเร่าร้อน กระสับกระส่าย ขุ่นมัว หาความสุขไม่ได้ ที่สำคัญคือไฟชนิดนี้ ไม่สามารถใช้เผาคนอื่นได้ คนไหนโกรธก็เผาคนนั้น คนที่ถูกโกรธถ้าไม่โกรธตอบหรือไม่รู้ตัวว่าถูกโกรธก็ยังนอนหลับสบาย แต่คนโกรธเองถูกเผาแทบตาย
                ๒. อย่าข่มเหงคนไข้ คนไข้ที่อาการหนัก เพ้อไม่ได้สติ หรืออาละวาดคลุ้มคลั่ง หากเผลอกล่าวคำผรุสวาทด่าทอ หรือล่วงเกินใดๆ คงไม่มี ใครถือสาอาฆาต เพราะรู้ว่า ไข้กำเริบคนมีกิเลสก็คือคนไข้แต่เป็นไข้ทางใจ เมื่อกิเลสกำเริบถึงจุดที่ ควบคุมตนเองไม่ได้ ก็ละเมิดหรือล่วงเกินผู้อื่นบ้าง ผู้มีปัญญาเมื่อให้อภัยคนไข้ทางกายแล้วควรให้อภัย คนไข้ทางใจด้วย
                ๓. อย่าเอาแต่ใจเป็นหลักการที่ความโกรธความขัดใจเกิดขึ้น ส่วนหนึ่งก็มาจากความรู้สึกกว่าคนนั้นก็ไม่ได้อย่างเราคิด คนนี้ก็สั่งไม่ได้อย่างใจ คนโน้นก็พูดไม่รู้เรื่อง เป็นต้น สรุปว่าเอาใจของตนเป็นศูนย์กลางแล้วคอยดูว่า คนไหนทำได้อย่างใจคิดบ้าง แต่ลืมนึกไปว่า ตัวเราเอง บางครั้งยังทำให้ถูกใจตัวเองไม่ได้ เรื่องจะเกณฑ์ให้คนอื่นเป็นอย่างใจเราหมด เป็นอันไม่ต้องพูดถึง ปุถุชน เมื่อความไม่พอใจมากระทบจะกระเทือนแค่ไหน ก็แล้วแต่คุณภาพและความมั่นคงของจิตใจ บางคนต้องถูกบีบคั้นอย่างหนักจึงหมดความอดทน บางคนถูกนินทาก็หวั่นไหว แต่บางคนแค่ถูกมองหน้าก็กระเทือนแล้ว
                หลักคิดที่ว่า อย่าเผาตัวเอง อย่าข่มเหงคนไข้ อย่าเอาแต่ใจเป็นหลัก จะช่วยให้จิตหนักแน่นมั่นคง แม้จะถูกกระทบแต่ ไม่กระเทือนได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน

........................................