ประกันชีวิต
เป็นที่ทราบกันว่า
การประกันชีวิต ก็คือการส่งเบี้ยประกันให้บริษัทที่รับประกัน
แล้วได้รับความคุ้มครองตามวงเงินและเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
เมื่อเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตจะทำให้ได้รับผลประโยชน์ในรูปของค่าใช้จ่าย เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้ตนเองและผู้อยู่ข้างหลังได้วิธีหนึ่ง
ซึ่งเป็นวิธีการประกันชีวิตด้วยวัตถุ เป็นวิธีการทางโลก
แต่ยังมีการประกันชีวิตที่ดีกว่านั้น
ก็คือการประกันชีวิตด้วยคุณธรรม เป็นวิธีการทางธรรม ทำให้ชีวิตมีความมั่นคง
เป็นสุข และก้าวหน้าอย่างแท้จริงโดยการสร้างหลักประกัน ๓ อย่างขึ้นในตัวเอง คือ
๑.ศีล ฝึกหัดและควบคุมคำพูด
การกระทำ ให้อยู่ในกฎหมายและศีลธรรม
เป็นหลักประกันว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและผู้อื่น
๒.สมาธิ
ฝึกหัดและควบคุมจิตใจให้มั่นคง ไม่ฟุ้งซ่าน เลื่อนลอยไปตามเหตุการณ์และอารมณ์
อย่างไร้จุดหมายเป็นหลักประกันว่า จะมีกำลังใจที่เข้มแข็ง
ไม่หวั่นไหวไปตามอารมณ์ฝ่ายต่ำมีพลังที่จะนำชีวิตก้าวไปสู่จุดหมายอย่างไม่ย่อท้อ
๓.ปัญญา
พัฒนาความคิดจนเข้าใจในเหตุและผล ไม่ติดอยู่แค่เรื่องที่เห็นประเด็นที่เกิด
แต่เข้าไปสัมผัสจนถึงความเป็นจริงที่มีอยู่ในสิ่งนั้นๆ เป็นหลักประกันว่า
การแก้ปัญหาและการสร้างสรรค์ทั้งหลายจะถูกตรงต่อเนื้อแท้
ไม่ผิดพลาดและวางท่าทีต่อสิ่งทั้งหลายในโลกได้อย่างชาญฉลาด ไม่เกิดทุกข์
ถ้าจะประกันชีวิตตามกรมธรรม์
ก็เป็นสิ่งดี เพราะทำให้ได้รับประโยชน์เมื่อเกิดอันตรายหรือเสียชีวิตแต่ต้องคิดด้วยว่าขณะที่ยังไม่เจ็บ
ไม่ตายคือตอนที่ยังดีๆ อยู่นี่แหละ หากเราได้ทำประกันสำหรับชีวิตจริงๆ
ให้กับตัวเองแล้ว รับประกันว่าชีวิตของเราจะมั่นคง เป็นสุขอย่างแน่นอน
และเมื่อเสียชีวิตไปแล้วก็จะได้รับความคุ้มครองตลอดไปหากยังไม่ได้ทำ
ขอได้โปรดพิจารณาหลักประกันทั้ง ๓ ดังกล่าวข้างต้น
............................................