การทำงานเป็นเรื่องที่คู่กับชีวิตมนุษย์
และแม้งานจะมีมากมายหลายประเภท แต่ก็มีลักษณะเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ
ถ้าเป็นงานสุจริต จะมีความสุขแฝงอยู่ในงานนั้นเสมอ
ความสุขดังกล่าวให้ผลเป็นสองขณะคือ
๑.ขณะทำสำเร็จ คือเพียงลงมือทำ
หรือทำเสร็จ ความสุขก็เกิดได้ทันที เช่น อาจมีบางครั้งที่เรามีความสุขใจ ภูมิใจ
เมื่อได้ลุกขึ้นยืน สละที่นั่งบนรถโดยสารให้กับผู้ที่อ่อนแอกว่า ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงงานที่มีความสำคัญมากกว่านี้
ใช้ความพยายามมากกว่านี้ และเกิดประโยชน์มากกว่านี้
๒.ขณะได้ผลตอบแทน งานส่วนใหญ่จะมีสิ่งตอบแทนเป็นรางวัล
ในรูปของค่าจ้าง เงินเดือน หรือผลประโยชน์อื่นๆ
อย่างน้อยก็ได้รับการชมเชยหรือความนิยมนับถือ เมื่อผลตอบแทนเช่นนี้เกิดขึ้น
ก็ทำให้เจ้าของงานเป็นสุข
สรุปว่า
การทำงานก็คือการลงมือสร้างความสุขให้กับตนเองนั่นเอง แต่ถ้าหวังความสุขเฉพาะขณะที่สอง
คือ มุ่งผลตอบแทนอย่างเดียว ก็จะต้องรอจนกว่าจะได้รับผลนั้น
เช่นรอจนถึงวันเงินเดือนออกซึ่งมีอยู่เพียงวันเดียว
หรือรอจนกว่าจะมีผู้พบเห็นแล้วยกย่องชมเชย ก็ยิ่งเลื่อนลอยหนักเข้าไปอีก
ข้อสำคัญถ้าผลตอบแทนไม่เป็นตามที่มุ่งหวัง งานก็จะเป็นแหล่งรวมของความทุกข์ แต่ถ้าทำงานเพื่อมุ่งหวังความสุขขณะที่หนึ่ง
คือเมื่อได้ทำงานสำเร็จ ได้สร้างคุณประโยชน์ให้เกิด
ก็ภูมิใจในความเป็นคนมีค่าของตนเอง ปลื้มใจเมื่องานนั้นเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
ก็จะมีความสุขใจไปพร้อมกับการทำงานนั้น หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่า
งานนั้นทำให้เกิดความสุข
คนหนึ่ง มีอาชีพกวาดถนน ขนขยะ
ซึ่งเป็นงานไร้ชื่อเสียง ค่าตอบแทนต่ำ
แต่ก็ยังมีอุตสาหะทำงานเลี้ยงชีพอย่างเป็นสุข อีกคนหนึ่งมีการงานที่มั่นคง
มีเกียรติ และค่าตอบแทนสูงกว่า แต่ไม่อาจหาความสุขจากการทำงานได้ สาเหตุสำคัญ
ก็เพราะมุ่งเสวยผลของความสุขที่แตกต่างกันนั่นเอง
............................................