มีเรื่องเล่าว่า
เศรษฐีใจบุญท่านหนึ่ง ต้องการจะแจกทานเป็นเวลาสามวัน จึงให้ประกาศไปทั่ว
ขอทานคนหนึ่งได้ยินคำประกาศนั้นจึงไปรับทานกับเขาบ้าง วันแรก ไปยืนต่ออยู่ท้ายแถวคนอื่นๆ
เมื่อเศรษฐีแจกทานมาถึงท้ายแถวก็หมดพอดี
วันรุ่งขึ้น ขอทานคนเดิมคิดว่าเพราะเราไปสายจึงไม่ได้รับทาน
จึงไปแต่เช้าตรู่ ยืนรออยู่เป็นคนแรกแต่เศรษฐีเปลี่ยนวิธีแจกใหม่
เพราะต้องการให้ได้ทั่วถึงกัน จึงแจกจากท้ายแถวขึ้นมา
พอใกล้จะถึงขอทานคนเดิมของก็หมดลงอีก
วันที่สาม
ขอทานคนเดิมไม่ยอมแพ้วาสนาตัวเอง คราวนี้ไปยืนแทรกอยู่ตรงกลาง
คิดว่าถึงอย่างไรก็ไม่พลาดแน่ ฝ่ายเศรษฐีสั่งให้แจกทาน แต่วันนี้ให้บุตรสาวมาช่วยแจกจากต้นแถวลงไป
ส่วนตัวเศรษฐีแจกจากท้ายแถวขึ้นมา
แต่พอแจกมาถึงกลางแถวยังไม่ทันถึงของทานคนเดิมของก็หมดอีกจนได้
เป็นอันว่าขอทานคนนั้นไม่ได้รับของแจกทานเลยสักครั้งเดียว
ในชีวิตปัจจุบัน
เราอาจเคยพบเหตุการณ์ในลักษณะนี้บ้าง คือบางทีนึกว่าจะต้องได้แน่ๆ แต่ก็ไม่ได้
หรือบางเรื่อง พยายามอย่างถึงที่สุดแล้วก็ไม่สำเร็จ แต่อีกคนหนึ่งกับได้มาง่ายๆ
อย่างคิดไม่ถึง ทั้งยากจะอธิบายว่าเป็นเพราะอะไร
ในทางพระพุทธศาสนาสอนเรื่อง
ปุพเพกตปุญญตา ความเป็นผู้มีบุญอันกระทำไว้ในกาลก่อนว่า เป็นเครื่อง สนับสนุนชีวิต
ในปัจจุบัน ได้อย่างสำคัญ บุญในลักษณะนี้เอง ที่ท่านว่าเอามาแข่งกันไม่ได้
ดังนั้นจึงควรมีใจรักในการทำบุญแม้จะไม่เห็นผลทันตา
เพราะในโลกนี้ไม่เคยมีใครปลูกมะม่วงแล้วได้กินมะม่วงที่ปลูกในทันที
มีแต่ปลูกมะม่วงแล้วรอ แล้วได้กินมะม่วงที่ปลูก แต่ถึงอย่างนั้น
การรอก็ไม่เป็นทุกข์สำหรับผู้มีใจรัก เขาจะรดน้ำ พรวนดิน ดูแลรักษาอย่างดี
มีความสุขไปพร้อมกับการเจริญเติบโตของต้นมะม่วงนั้น บุญกุศลก็เช่นกัน
หากปรับความเห็นให้ถูกต้อง ก็จะมีความสุขไปพร้อมกับการทำดีนั้นได้
และความดีที่สั่งสมนั้น เมื่อถึงโอกาส จะอำนวยผลให้อย่างน่าอัศจรรย์ได้
เพราะเป็นผู้มีบุญอันได้กระทำไว้ในกาลก่อนนั่นเอง
............................................