เรื่องของคนแก่
เป็นที่รู้กันว่า
ทุกขณะที่เวลาผ่านไป เราก็แก่ขึ้นไปตามลำดับ ผ่านไปครบหนึ่งปีก็แก่ขึ้นไปอีกหนึ่งปี
ความแก่ของร่างกายนี้ไม่มีใครปรารถนา ในทางพระพุทธศาสนาถึงกับระบุไว้ว่า ชราปิ
ทุกขา แปลว่า ความแก่เป็นทุกข์ เพราะเป็นที่รวมของความถดถอย ตั้งแต่ร่างกาย อวัยวะ
กำลังวังชา และความทรงจำคิดอ่านต่างๆ แต่ก็เป็นความเสื่อมที่ไม่มีใครเอาชนะได้
ความแก่อีกประการหนึ่ง
คือความแก่ทางพฤติกรรมหรือนิสัยใจคอ เป็นเรื่องที่แก้ไขได้ เสริมสร้างได้ และควรสนใจให้มาก
เพราะเกี่ยวข้องกับอนาคตและความสุขทุกข์โดยตรง ความแก่ชนิดนี้มีทั้งดีและไม่ดี
ดังตัวอย่างที่ว่า
แก่ใช้เงินเกินตัวเรื่องพัวพัน แก่พนันวันหน้าท่าต้องแย่
แก่เมาเหล้าเมารักมักปรวนแปร แก่ยุแหย่นินทาแก่สาบาน
แก่สอพลอยอให้คิดเพราะอิจฉา แก่ตัณหาพาจิตคิดฟุ้งซ่าน
แก่ขี้เกียจหลังยาวไม่เข้าการ แก่หลบงานหายหน้าเป็นอาจิณ
แก่เมตตาการุณมีบุญหนัก แก่รู้จักละบาปกำราบสิ้น
แก่เอื้อเฟื้อผู้คนได้ยลยิน แก่หากินสินทรัพย์นับอนันต์
แก่พากเพียรเรียนดียิ่งมีชื่อ แก่สัตย์ซื่อจะสร้างทางสุขสันต์
แก่ร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกลมเกลียวกัน แก่รู้ทันชาติชราพาปล่อยวาง
เมื่อเวลาผ่านไปอีกหนึ่งปี
ไม่ควรคิดถึงเฉพาะความแก่ทางร่างกายเท่านั้น
แต่ควรศึกษาพฤติกรรมหรือความเคยชินที่ผ่านมาว่าจะต้องลดหรือเพิ่มความแก่ชนิดใดบ้าง
เพื่อให้แก่อย่างมีคุณค่าหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ยิ่งแก่ยิ่งมีราคา
............................................