เปิดใจ
ชีวิตของทุกคนเปรียบเหมือนขุมทรัพย์อันมหาศาล
เพราะแม้จะเกิดมาตัวเปล่า
แต่ถ้าใช้ศักยภาพได้ถูกต้องเต็มที่ก็จะประสบความสำเร็จสูงสุดได้อย่างน่าพิศวง
จะเห็นว่าผู้ที่สร้างตัวจนเป็นมหาเศรษฐีก็ดี
ผู้นำที่เพียบพร้อมด้วยอำนาจยศศักดิ์ก็ดี ศิลปินผู้มีชื่อเสียงก้องโลกก็ดี
ตลอดจนผู้ประสบความสำเร็จด้านอื่นๆ
ล้วนใช้ศักยภาพที่ขุดค้นเอามาจากชีวิตที่ประกอบด้วยเลือดเนื้อ ลมหายใจ
และหนึ่งสมองสองมือนี้เองเป็นเครื่องมือ
ชีวิตของแต่ละคนจึงเป็นแหล่งมหาสมบัติอย่างแท้จริง
แต่ขุมทรัพย์นี้
มักมีมารคอยปิดกั้นซ่อนเร้นไว้ไม่ให้เจ้าของใช้ประโยชน์ได้
พูดให้ง่ายเข้าก็คือความบกพร่องด้านต่างๆ เช่น ความเกียจคร้าน ความเห็นแก่ตัว
ความประพฤติชั่วอื่นๆ ที่ทำให้ชีวิตตกต่ำ ข้อบกพร่องเหล่านี้บางครั้งมองเห็น
บางครั้งมองไม่เห็น ถ้ามองเห็นก็มีโอกาสกำจัดออกไปได้ แต่ถ้ามองไม่เห็นจะทำอย่างไร
ในครั้งพุทธกาล
พระพุทธองค์ทรงบัญญัติการทำปวารณาสำหรับภิกษุสงฆ์ไว้ สาระสำคัญคือเมื่อถึงวันขึ้น
๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ภิกษุสงฆ์ต้องประชุมกันแล้วกล่าวคำปวารณาต่อกันมีใจความว่า
“ข้าพเจ้าขอปวารณาต่อสงฆ์ หากสงฆ์ได้เห็น ได้ฟัง หรือแม้แต่เพียงเกิดความระแวงสงสัย
ว่าข้าพเจ้าประพฤติบกพร่องอย่างไร ขอจงว่ากล่าวตักเตือน
เพื่อข้าพเจ้าจะได้แก้ไขต่อไป” การปวารณาจึงเป็นการเปิดใจอย่างแท้จริง
ทั้งเปิดให้ผู้อื่นทราบความประสงค์และเปิดเพื่อยอมรับและแก้ไข
ซึ่งเป็นวิธีสำคัญที่จะขจัดข้อบกพร่องที่มองไม่เห็นออกไป
สำหรับบุคคลธรรมดาทั่วไป
ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ ของทุกปีเป็นวันมหาปวารณา
นอกจากมีการประกอบบุญกุศลตามประเพณีแล้ว สมควรอธิษฐานจิตเปิดใจตัวเองให้กว้าง
ยินดีและน้อมรับคำตักเตือนชี้แนะจากผู้อื่นด้วย เพราะหากเปิดใจตัวเองไม่ได้
ก็ยากที่จะเปิดขุมทรัพย์ใดๆ ได้
............................................