โจรทิม
ครั้งหนึ่ง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงได้รับฎีกาจากโจรทิมซึ่งติดคุกด้วยข้อหาปล้นทรัพย์ในฎีการะบุว่า
ตั้งแต่ต้องโทษก็ตั้งใจฝึกฝนวิชาจักสานมาโดยลำดับ บัดนี้ล่วงเลยมาถึงสิบปี
มั่นใจฝีมือเป็นเลิศไม่มีใครสู้ได้ จึงผลิตงานฝีมือถวาย หากทรงโปรด
ก็จะขอพระราชทานอภัยโทษสักครั้งเพื่อออกบวชเลิกประพฤติชั่วไปตลอดชีวิต
และเมื่อได้ทอดพระเนตรกาถังน้ำร้อนฝีมือจักสานของโจรทิมที่เจ้าพักงานนำขึ้นทูลเกล้าฯ
ถวายทรงพอพระทัยในฝีมืออันประณีตงดงามไม่มีใครเทียบ จึงพระราชทานอภัยโทษ
และโปรดให้จัดบวชเป็นนาคหลวง
ต่อมาเมื่อ ร.ศ.๑๑๒
เกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส
พระทิมได้มาแจ้งต่อสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพว่า
ตนเองได้เคยเรียนคาถาอาคมสำหรับการต่อสู้มาบ้าง บัดนี้ บ้านเมืองเกิดศึกสงคราม
จะมาขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตลาสิกขาออกไปช่วยรบกับข้าศึก เพื่อทดแทนพระมหากรุณาธิคุณ
ต่อเมื่อสิ้นการศึกหากรอดชีวิตจะขอกลับมาบวชอีกครั้งหนึ่ง
สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง
เมื่อทรงทราบ ถึงกับทรงออกพระโอษฐ์ว่า “มนุษย์เรานี้ ถึงตกต่ำจนเป็นโจรผู้ร้ายถ้ากลับใจได้จริงๆ
ก็ยังเป็นคนดีได้” และโปรดให้อัญเชิญพระกระแสรับสั่งไปถึงพระทิมว่าทรงขอบใจ
แต่พระทิมอายุมากแล้ว ขออาราธนาให้บวชเอาบุญต่อไปเถิด จนภายหลังเมื่อพระทิมมรณภาพ
ยังได้พระราชทานจัดการศพอย่างมีเกียรติยศยิ่ง
เรื่องนี้ให้ข้อคิดสำคัญ ๒ ประการ
๑.ความรู้ความสามารถที่ฝึกฝนจนรู้จริง
ดีจริง ย่อมอำนวยประโยชน์ให้ชีวิตได้จริงเมื่อโอกาสมาถึง จึงไม่ควรดูหมิ่นวิชาความรู้แม้ในเรื่องเล็กน้อยว่าไม่สำคัญ
๒.มนุษย์ปุถุชนไม่มีใครถูกทั้งหมดหรือผิดทั้งหมด
แต่ถ้าผิด ต้องพร้อมที่จะกลับตัวหรือแก้ไข
วิชาความรู้และการแก้ไขปรับปรุงตนเอง
เป็นตัวกำหนดชีวิตของคนให้ดีหรือเลว สูงหรือต่ำได้อย่างจริงแท้แน่นอนเพียงใด โปรดดูโจรทิมเป็นตัวอย่าง
............................................