วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2559

ยอดงาม


                คนที่เกิดมาในโลกทุกชาติทุกภาษา ไม่ว่าจะเป็นคนชั่วหรือคนดีจะเป็นคนยากจนหรือคนมั่งมี ล้วนแต่นิยมชมชอบความงามกันทั้งนั้น ความงามของคนมี ๔ ชั้น คือ
                ๑.งามอาภรณ์ คืองามที่เครื่องประดับ ซึ่งประกอบด้วยเครื่องแต่งตัวนานาชนิด เช่น เสื้อผ้า ต่างหู สร้อย แหวน นาฬิกา ฯลฯ งามอาภรณ์นี้ เป็นความงามชั้นนอกสุด ไม่ช้าก็ล้าสมัย หมดความนิยม และเป็นเพียงความงามที่หาซื้อ ขอยืม หรือแม้แต่ขโมยกันก็ได้
                ๒.งามร่างกาย คืองามที่เรือนร่าง เช่น ทรงผม ผิวกาย ฟัน รูปหน้า มืองาม นิ้วงาม ฯลฯ งามร่างกายนี้ มีค่ามากกว่างามอาภรณ์ แต่ก็เป็นความงามที่ไม่จีรังยั่งยืน และเป็นเครื่องประกันว่าผู้นั้นเป็นคนดีหรือคนชั่วไม่ได้
                ๓.งามารยาท คืองามที่กิริยาวาจา เช่น รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน มีสัมมาคารวะ พูดจาไพเราะ ยิ้มแย้มแจ่มใส ฯลฯ คนที่มีมารยาทงามเป็นคนมีเสน่ห์ ผูกมัดจิตใจคนอื่นได้แน่นแฟ้น แต่มารยาทของคนเป็นสิ่งที่สามารถเสแสร้งได้  คนโบราณมักกล่าวเตือนให้สังเกตและระวังคนลักษณะ ปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ ปากหวานก้นเปรี้ยว หรือหน้าเนื้อใจเสือ ไว้ให้ดี
                ๔.งามใจ คืองามที่จิตใจ เป็นคนใจบุญสุนทาน มีเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความรักความห่วงใย ปรารถนาดีต่อผู้อื่นเสมอ
                บรรดาความงามทั้ง ๔ ชั้นนั้น งามใจ ถือว่าเป็นยอดงามของคน เพราะเป็นความงามที่ลึกซึ้ง เป็นความงามที่ไม่จืดจางและไม่ล้าสมัย คนที่งามใจเพราะใช้ธรรมาภรณ์ อาภรณ์คือธรรมะ เป็นเครื่องประดับตกแต่งใจให้งามมี ๒ ประการคือ
                ๑.ขันติ ความอดทน คืออดทนต่อความลำบากตรากตรำในภารกิจการงาน อดทนต่อทุกขเวทนายามเจ็บป่วย อดทนต่อความเจ็บใจ และอดทนต่ออำนาจกิเลสที่ครอบงำทำให้เกิดรักโลภ โกรธ หลง
                ๒.โสรัจจะ ความสงบเสงี่ยม คือเมื่ออดทนได้แล้ว ก็พยายามสงบใจทำใจให้เย็นลงด้วยอุบายอันชอบ เมื่อใจสงบแล้ว กิริยาวาจาที่แสดงออกมาจะสงบเสงี่ยม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
                ผู้ใดมีธรรมะ ๒ ประการนี้ จะเป็นเครื่องแต่งใจให้งามไว้เสมอจนได้ชื่อว่า ยอดงาม

............................................