ชีวิตคือการต่อสู้
เราคงเคยได้ยินเสียงเด็กทารกแรกกันมาแล้ว
เสียงแรกที่เราได้ยินคือเสียงร้องไห้
ทารกแรกเกิดไม่เคยส่งเสียงหัวเราะให้เราได้ยิน
นั่นอาจแสดงให้รู้ว่าชีวิตที่ออกมาสู่โลกนี้จะต้องต่อสู้ สิ่งแรกที่ต้องต่อสู้คือ
ดินฟ้าอากาศ สภาพแวดล้อมรอบกาย เช่น ร้อน หนาว
หากร่างกายแข็งแรงต่อสู้กับธรรมชาติได้ ก็มีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ธรรมชาติย่อมแฝงไว้ทั้งคุณและโทษ มนุษย์จะมีชีวิตอยู่ได้ต้องอาศัยธรรมชาติ อากาศใช้หายใจ ความร้อนให้ความอบอุ่น
มีน้ำให้ดื่มกินใช้ มีอาหารให้บริโภค ในขณะเดียวกัน ภัยอันตรายที่แฝงมากับธรรมชาติก็มีอยู่มากมาย
เช่น ฝนตกมากจนน้ำหลากท่วมบ้านเรือน ที่ทำกิน เป็นอันตรายต่อชีวิต
ทำให้พืชพันธุ์อาหารเสียหาย พายุพัดแรงทำให้อาคารบ้านเรือนพัง ฯลฯ
ชีวิตจะขาดธรรมชาติไม่ได้เลย
แต่ชีวิตที่จะอยู่กับธรรมชาติได้จะต้องเป็นชีวิตที่ต่อสู้ คือ
จะต้องมีความคงทนแข็งแรง และมีความระมัดระวังให้พ้นจากภัยธรรมชาติ
นอกจากจะต่อสู้กับภัยธรรมชาติแล้ว ยังจะต้องต่อสู้เพื่อความอยู่ดีกินดี
เนื่องจากจำนวนประชากรในโลกเพิ่มขึ้นทุกวินาที การทำมาหากินต้องแข่งกัน
ขึ้นรถลงเรือจะต้องเบียดเสียดขึ้นลง คนที่เกรงใจให้โอกาสคนอื่นกลับเป็นคนโง่ เป็นฝ่ายเสียเปรียบ
คนที่หน้าด้านฉวยโอกาสกลับเป็นคนฉลาดเป็นฝ่ายได้เปรียบ
จะเข้าโรงเรียนจะต้องสอบแข่งขันแสดงความดีเด่น เรียนสำเร็จแล้วจะเข้าทำงานก็ต้องแข่งขันกันอีก
ได้ทำงานแล้วก็ต้องแข่งขันกันเพื่อเกียรติยศชื่อเสียง ถ้ามิฉะนั้นจะเป็นคนล้าหลัง
เข้ากับสังคมไม่ได้ จะยกเท้าก้าวย่างไปทางไหน
จะมองไปทางทิศใดจะพบแต่เรื่องที่จะต้องต่อสู้ทั้งนั้น
การต่อสู้ที่หนักยิ่งของชีวิต
คือการต่อสู้เพื่อความดี พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า จะชนะความชั่วด้วยความดี
การทำความดีเป็นการทวนกิเลส เหมือนพายเรือทวนน้ำ จะต้องออกกำลังมากกว่าปกติ จะต้องมีความรอบคอบ
ดังนั้น คนที่จะทำความดีจะต้องมีชีวิตอยู่ด้วยการต่อสู้
ต่อสู้กับสังคมที่มีความเป็นอยู่เหลื่อมล้ำสูง
ต่อสู้กับอารมณ์ฝ่ายต่ำที่ทำให้จิตใจตกไปในฝ่ายชั่ว
การต่อสู้กับอารมณ์ฝ่ายต่ำนี้แหละ เป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่
เพราะเมื่อชนะอารมณ์ฝ่ายต่ำได้แล้ว ชื่อว่าชนะได้ทุกอย่าง และนั่นคือ ชีวิตต้องสู้อย่างแท้จริง
............................................