เมื่อเรื่องเล่าว่า
ตุ๊กแกตัวหนึ่งอาศัยอยู่ที่ต้นไม่ต้นหนึ่ง มันเป็นสัตว์ที่เกียจคร้านอย่างมาก
แต่ละวันไม่ยอมออกไปหากินอาศัยแมลงต่างๆ ที่อยู่ตามต้นไม้นั้นเป็นอาหาร
เมื่อแมลงหมดและหิวหนักเข้าก็กัดกินขาตัวเองเพราะความหิวจัด
เมื่อขาหมดแล้วก็กัดกินตัวเองจนเหลือแต่หัว
ต่อมาเมื่อหิวสุดขีดจึงได้กินหัวตัวเองจนหมด
ฟังดูแล้วก็รู้ทันทีว่าเป็นเรื่องโกหกและตลกอย่างเหลือเชื่อ
แต่ในการดำเนินชีวิตของคนเราในปัจจุบันก็มีคนที่ประพฤติตัวแบบเหลือเชื่อทำนองเดียวกันนี้
คือมีคนจำนวนไม่น้อยบอกว่ารักชีวิตและครอบครัวตัวเองแต่การกระทำกลับตรงกันข้าม
แต่ละวันหมกมุ่นวุ่นวายอยู่กับอบายมุข อันเป็นทางแห่งความหายนะมีด้วยกันหกประเภท ๑.เมาลูกเดียว
๒.เที่ยวราตรี ๓.มโหรีไม่เว้น ๔.เล่นการพนัน ๕.ติดพันมิตรชั่ว และ
๖.ประพฤติเกียจคร้าน
อบายมุขไม่ว่าประเภทไหนๆ
หากตกอยู่ในอำนาจของมันจะให้ประสบกับความพินาศ เช่น การพนัน
เพียงไปนั่งดูเขาเล่นก็ทำให้เสีย อย่างน้อยคือเสียเวลา ขั้นต่อมาคือมีความผิดในฐานะผู้ร่วมเหตุการณ์
และผู้สนับสนุนอยู่ในที ยิ่งถ้าลงมือเล่นด้วยก็ยิ่งเสียใหญ่ดังมีคำประพันธ์ที่ว่า
ถูกโจรปล้น
สิบครั้ง ยังทนได้
เพราะโจรไม่
ถอนเสา เอาเรือนหนี
ถูกไฟไหม้
วิบัติ เหลือปัถพี
แต่หมดตัว
ทั้งชีวี เพราะผีพนัน
หยุดคิดสักนิด
ไม่มีคำว่าสายเสียแล้วสำหรับการกลับตัวและเปลี่ยนใจเสียใหม่
จงพยายามรวมพลังกายพลังใจ สลัดอบายมุขทุกชนิดให้ห่างไกล
แล้วจะพบกับความสุขสดใสในชีวิตและครอบครัวอย่างลึกล้ำ
ตุ๊กแกในเรื่องนี้เพียงมันติดอบายมุขคือเกียจคร้านอย่างเดียวเท่านั้น
ถึงกับกินหัวตัวเองได้ คนเราก็เช่นเดียวกัน แม้ติดอบายมุขเพียงประเภทเดียว
ก็เหมือนกับกินชีวิตของตัวเองเข้าไปแล้ว
ถ้าติดอบายมุขหลายประเภทเท่ากับว่ามิเพียงกินหัวตัวเองเท่านั้น
แต่กำลังทำลายครอบครัว ทำลายเกียรติยศชื่อเสียงและวงศ์ตระกูลไปด้วย
แล้วชีวิตจะเป็นเรื่องตลกร้ายน่ากลัวยิ่งกว่าตุ๊กแกกินหัวตัวเองอีกเป็นร้อยเท่า
รักชีวิต
รักครอบครัว โปรดอย่าทำตัวเป็นตุ๊กแกกินหัวตัวเอง
............................................