เมื่อเรากางนิ้วมือออกดู
จะพบว่านิ้วทั้งห้าไม่เท่ากัน โดยนิ้วที่ยาวที่สุดคือนิ้วกลาง ถัดไปก็นิ้วนาง
นิ้วชี้ นิ้วก้อย และนิ้วหัวแม่มือตามลำดับ
อวัยวะที่ต่างกันอย่างนิ้วมือไม่น่าจะทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่นิ้วมือกลับเป็นอวัยวะที่ทำงานร่วมกันได้อย่างน่าอัศจรรย์
มองในแง่อุทาหรณ์สอนใจ
นิ้วมือก็เป็นอุปกรณ์การเตือนสติตัวเจ้าของอย่างน้อย ๓ ประการ คือ
๑.
สามัคคี ธรรมชาติของนิ้วมือ จะทำงานประสานกันโดยอัตโนมัติ เวลาที่แขนมีงานต้องทำ
จะพบว่าไม่มีนิ้วใดอยู่เฉยๆ เลย นิ้วแต่ละนิ้วต่างมีหน้าที่รับผิดชอบอย่างเหมาะสม
ทำให้งานหนักกลายเป็นงานเบา งานช้ากลายเป็นงานเร็ว และงานยากกลายเป็นงานง่าย
๒.
ความรับผิดชอบ การดำเนินชีวิตของคนเรา
บางครั้งก็นิยมใช้นิ้วมือเป็นอวัยวะทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
นิ้วหัวแม่มือเป็นอวัยวะในการพิมพ์ลายนิ้วมือ นิ้วชี้เป็นอวัยวะสำหรับสั่งงาน
ส่วนนิ้วนางเป็นอวัยวะสำหรับสวมแหว ทำหน้าที่รับรองความผูกพันของคู่บ่าวสาว
๓.
ความอ่อนน้อมถ่อมตน ในการแสดงความเคารพนับถือกัน
นิ้วมือก็เป็นอวัยวะที่ถูกนำมาใช้มากกว่า อวัยวะอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการประนมมือ
การไหว้ การกราบ รวมถึงการโบกมืออำลากัน
จึงกล่าวได้ว่านิ้วมือเป็นอุปกรณ์สำหรับแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน
หากเราพิจารณาดูการทำหน้าที่ของนิ้วมือทั้งห้าอยู่บ่อยๆ
ย่อมจะมองเห็นคุณค่าทางคุณธรรมที่แฝงอยู่ในนิ้วทั้งห้า ดังกล่าว ข้อสำคัญคือ
ไม่ควรคิดว่านิ้วไหนสำคัญกว่า หรือสำคัญที่สุดแต่เพียงนิ้วเดียว เพราะทุกนิ้วสำคัญเหมือนกัน
เช่นเดียวกับคนที่ทำหน้าที่ต่างๆ กันอยู่ในสังคม ถ้าเรารู้จักพิจารณาให้ถูกวิธี
เราจะมองกันและกันได้ด้วยความสบายใจ ไม่มีการดูถูกคนอื่นหรือดูถูกตัวเองวาต่ำต้อย
หรือทะนงตัวว่าตัวสำคัญกว่าคนอื่น เพราะแม้แต่ละคนจะมีความสำคัญไม่เท่ากัน
แต่ทุกคนก็สำคัญเหมือนกันหมด
........................................