วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ข้อคิดจากการไปงานศพ


                                เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ เมื่อบุคคลที่รู้จักคุ้นเคยกันเสียชีวิตลง ก็จะมีผู้ไปร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพ ท่านเคยถามตัวเองหรือไม่ว่า ได้อะไรบ้างจากการไม่ร่วมงาน ถ้ามองกันอย่างผิวเผิน คือมองด้วยตาเนื้อ ที่เรียกว่า มังสะจักษุแล้ว สิ่งที่เราได้จากผู้ล่วงลับดับชีพก็คือ กฎหมายไม่แตะต้อง ญาติพี่น้องไม่รบกวน คดีทั้งมวลเป็นอันระงับ หนี้สินพร้อมสรรพยกให้เด็ดขาด ศัตรูคู่อาฆาตก็เลิกแล้วต่อกัน สิ่งเหล่านี้เมื่อตายแล้วก็เป็นอันสิ้นสุดลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ตายได้รับ แต่สิ่งที่คนมีชีวิตจะได้นั้น ถ้ามองให้ลึกซึ้งให้ชัดเจนลงไปด้วยดวงตาพิเศษที่เรียกว่า ปัญญาจักษุแล้ว จะได้พบสิ่งต่างๆ เหล่านี้คือ
                ๑. ได้เห็นความดี คือเห็นว่า มนุษย์เรานั้น ในขณะที่ยังมีชีวิตแม้จะสร้างคุณงามความดีอย่างไรก็ตาม แต่เรามองเห็นความดีนั้นแบบผ่านไป ไม่ได้เกิดคุณค่าประโยชน์อย่างแท้จริง แต่ถ้าวันใดวันหนึ่ง คนนั้นเสียชีวิตลง เราก็รู้สึกโศกเศร้าเสียดายอาลัยอาวรณ์ พรรณนาความดีของเขาต่างๆ นานาว่า ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้
                ๒. ไม่หลีกหนีสัจธรรม คือความจริงแท้ของชีวิตมนุษย์นั้น เมื่อเราเกิดมาแล้วในเบื้องต้น ก็มีความแปรปรวนในท่ามกลาง แล้วเสื่อมสลายไปในที่สุด เข้าลักษณะของกฎไตรลักษณ์ที่ว่า อนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกขัง ความทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ และอนัตตา ความไม่มีตัวตน นี่คือสัจธรรมที่แท้จริง
                ๓. ได้รีบทำที่พึ่ง คือที่พึ่งของคนเรามีอยู่หลายอย่าง เช่น สิ่งอำนวยประโยชน์ต่างๆ รวมถึงปัจจัยสี่ สิ่งเหล่านี้เป็นที่พึ่งเฉพาะในยามที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น ไม่สามารถนำติดตัวไปในยามที่เราจากโลกนี้ได้ จึงจำเป็นที่เราต้องรีบทำที่พึ่งซึ่งสามารถนำติดตัวไปได้ นั่นก็คือ คุณงามความดี หรือบุญซึ่งมีอยู่ ๒ ทาง คือความดีทางโลก ได้แก่ การประกอบอาชีพในทางสุจริต และความดีทางธรรม คือ การให้ทาน การรักษาศีล และการเจริญภาวนา เมื่อเราได้สร้างความดีไว้ทั้งสองทาง ครั้นเมื่อเสียชีวิตลงไป ความดีส่วนนี้นอกจากจะจารึกเป็นเป็นอนุสาวรีย์แห่งชีวิตแล้ว ยังติดตามเราไปในโลกหน้าอีกด้วย ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “...บุญเป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งหลาย ในยามที่ถึงแก่ความตายหรือล่วงลับดับชีพไปแล้ว...” เมื่อเราท่านได้มีโอกาสไปร่วมงานศพแล้ว ลองมองถึงประโยชน์ทั้ง ๓ ประการ ดังกล่าวให้เข้าใจ

.............................................