วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ปัจฉิมพุทธพจน์


                ในสมัยก่อนเมืองไทยถือได้ว่าเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ ดังคำกล่าวที่ว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” แต่ปัจจุบันจะต้องเปลี่ยนคำพูดนั้นใหม่ว่า “ในน้ำไม่มีปลา ในนามีแต่หนี้” เพราะนำไปจำนองกับนายทุนหมด สภาพเช่นนี้เกิดขึ้นคล้ายๆ กันไปทั่วทั้งโลก
                หากจะถามว่า ความอุดมสมบูรณ์ที่โลกเคยมี ใครเป็นผู้ทำให้สูญเสียไป ก็คงต้องตอบว่ามนุษย์เรานั่นเอง และถ้าจะถามต่อไปอีกว่า ปัญหาต่างๆ ใครทำให้เกิด ก็มนุษย์เรานั่นแหละเป็นผู้ทำ
                เมื่อทราบว่าใครเป็นผู้ทำหรือสร้างปัญหาต่างๆ ขึ้นมาเช่นนี้แล้ว ก็ขอให้นึกถึงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบทหนึ่งที่ว่า “อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ” แปลว่า ท่านทั้งหลาย จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด หมายความว่า คนเราเมื่อมีดี ต้องรักษาไว้ให้ได้ เมื่อมีชั่ว ต้องกำจัดชั่วออกไป คือต้องดำรงชีพอยู่โดยไม่ประมาท และไม่ขาดหลักธรรม เพราะคนประมาทขาดหลักธรรมในการดำเนินชีวิตจะสูญเสียโอกาสในการักษาดีที่ตัวเองมีอยู่ และโอกาสที่จะสร้างสิ่งอันเป็นประโยชน์ทั้งหลายให้แก่ตนเองและสังคม ตลอดจนประเทศชาติ คนไม่ประมาทจะมีลักษณะดังนี้คือ
                ๑.ไม่ละเลย คือ พอใจ ตั้งใจ ใส่ใจ และสนใจ ที่จะทำหน้าที่ของตัวให้ดีให้ถูกต้อง
                ๒.ไม่เหลาะแหละ คือ คิดจริง พูดจริง ทำได้จริง
                ๓.แยกแยะออก คือ รู้ดีทำดี รู้ชั่วเว้นชั่ว
                ๔.บอกตัวได้ คือ รู้เหตุ รู้ผล รู้ตน รู้ประมาณ รู้กาลไหนควรไม่ควร รู้คนชั่วคนดี ควรคบไม่ควรคบ และรู้ชุมชนว่าหมู่ไหนพวกไหน ควรสัมพันธ์ด้วยแค่ไหนเพียงไรอย่างไร
                ๕.ใช้ตัวเป็น คือ ขยันหา รักษาให้ได้ มีมิตรที่ไว้ใจ ใช้จ่ายให้เหมาะสม
                ๖.เห็นช้างขี้ ไม่ขี้ตามช้าง คือ ยินดีสิ่งที่ตนได้ พอใจในสิ่งที่ตนมี ไม่วิ่งตามสังคมอย่างไร้สติ
                ดังนั้น หากเราน้อมรำลึกถึงและยึดถือพระปัจฉิมพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ก่อนเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานที่ว่า “ท่านทั้งหลาย จงยังความไม่ประมาทให้ถือพร้อมเถิด” ความอุดมสมบูรณ์ที่โลกเคยมีก็จะกลับคืนมาและคงอยู่ยั่งยืนไปนานเท่านาน

.............................................