ธรรมดาต้นไม้ในกระถาง เช่น บอนสี ว่าน
หรือไม้ประดับอื่นๆ ในระยะแรก เจ้าของมักจะเอาใจใส่ดูแลอย่างดี ต่อมา
ต้นไม้ใดให้กิ่งใบที่สวยงามเจริญเติบโตจนคับกระถาง เจ้าของก็จะโยกย้ายต้นไม้นั้นไปใส่กระถางใบใหม่ที่ใหญ่กว่าและบำรุงรักษาเป็นพิเศษ
ส่วนต้นไม้ที่ไม่เจริญเติบโตหรือเติบโตช้า ทั้งกิ่งดอกใบก็ไม่เป็นไปตามต้องการ
เจ้าของก็จะบำรุงรักษาอย่างธรรมดา ไม่มีความคิดที่จะย้ายไปกระถางใบใหม่ที่ใหญ่กว่า
บางทีก็อาจจะปล่อยให้เหี่ยวแห้งร่วงโรยตายไปเสียก็มี
เมื่อเปรียบกับชีวิตคน
ส่วนมากเมื่อเห็นว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมในการทำงาน เช่น
ควรจะได้รับหรือได้เลื่อนตำแหน่งหน้าที่นั้นๆ แต่กลับไม่ได้
ควรจะได้เลื่อนชั้นเลื่อนขั้นแต่ไม่ได้ ก็มักจะโทษคนหรือสิ่งอื่น บางคนโทษ
เจ้านายลำเอียง รักลูกน้องไม่เท่ากัน บางคนโทษระบบงานว่าใช้ไม่ได้
บางคนก็โทษดวงดาว เข้าทำนองว่าพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก เป็นต้น
ส่วนผู้ที่โทษตัวเองว่าตนเป็นเหตุดูจะมีน้อย
ลองใช้วิจารณญาณค้นหาสาเหตุต่างๆ
ของปัญหาที่เกิด โดยเริ่มจากตัวเองก่อน หากพบข้อผิดพลาดแล้วลองโทษตัวเองดูบ้าง
ว่าเป็นเช่นนั้น เพราะตัวเรานี่แหละเป็นสาเหตุ เป็นผู้บกพร่องอย่างใดอย่างหนึ่ง
หากยอมรับความจริงข้อนี้แล้วปรับปรุงตังเองเสียใหม่ให้ดีขึ้น
เราก็จะประสบความสำเร็จในการทำงานเป็นแน่แท้ เพราะมีหลักอยู่ว่า
“นักทำงานที่ดีนั้น ต้องปรับตัวและความคิดของตัวให้เข้ากับงานและสิ่งแวดล้อมด้วย
ไม่ใช่เอาแต่ปรับสิ่งแวดล้อมและงานให้เข้ากับตัวและความคิดของตัว”
เมื่อเราคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในหน้าที่การงานหรือในการดำเนินชีวิต
ก็ลองหันมาปรับปรุงตัวเองตามแบบ “ต้นไม้ในกระถาง” ดูบ้างเป็นไร
บางทีอาจได้พบสิ่งที่ดีก้าวหน้าใหม่ๆ
ได้เร็วกว่าการมัวแต่นั่งโทษคนอื่นสิ่งอื่นอยู่ข้างเดียว
.............................................