คำว่า
“ทาส” หมายถึง ผู้ที่ยอมตนให้อยู่ในอำนาจของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง คำว่า อารมณ์ หมายถึง
ความคิดหรือ เครื่องยึดเหนี่ยว เมื่อเอา ๒ คำมารวมกันเป็น ทาสอารมณ์ จึงหมายถึง
ผู้รับใช้ความคิดที่ไร้สาระก็จะเกิดโทษ มีเรื่องเล่าว่า
สามเณรรูปหนึ่ง
บวชเรียนอยู่ในสำนักของหลวงลุง ได้ผ้ามา ๒ ผืน มีความประสงค์จะเอาไว้ใช้ผืนหนึ่ง
ส่วนอีกผืนจะถวายหลวงลุง วันหนึ่ง ขณะยืนพัดปรนนิบัติหลวงลุง
จึงเรียนความประสงค์ให้ท่านทราบ หลวงลุงไม่ต้องการจะรับผ้านั้น จึงปฏิเสธ
สามเณรเกิดความน้อยใจ คิดเตลิดไปไกลว่า ต่อแต่นี้ไป หลวงลุงไม่ใยดีเรา
แล้วเราจะบวชอยู่ต่อไปทำไม สึกแล้วขายผ้า ๒ ผืนนี้
ได้เงินมานำไปซื้อแม่แพะมาเลี้ยง พอมันตกลูกมาได้หลายตัว
เราก็จะขายลูกแพะรวบรวมเงินได้ก้อนหนึ่งเอามาแต่งภรรยา เมื่อมีบุตร
เราจะพาบุตรและภรรยามาเยี่ยมหลวงลุง ขณะเดินทางเราเป็นขับเกวียน ภรรยาอุ้มบุตรโดยไม่ระวังให้ดี
ทำบุตรพลัดตกจนถูกล้อเกวียนทับตาย เราก็จะใช้ด้ามปฏักตีภรรยาพอคิดมาถึงตรงนี้
สามเณรก็ใช้ด้ามพัดที่ตนกำลังพัดให้หลวงลุงอยู่นั่นเองตีศีรษะของหลวงลุง
โดยสำคัญผิดคิดไปว่าตนกำลังตีภรรยาของตน
จากเรื่องดังกล่าว
มีคติสอนใจว่า คนเรามีความคิดได้ทั้งในทางที่ดีและไม่ดี
คือเป็นทาสอารมณ์ด้วยกันทั้งนั้น สิ่งสำคัญอยู่ที่การรู้จักใช้สติเป็นเครื่องควบคุม
ช่วยหยุดยั้งเมื่อเกิดความคิดที่ไม่ดี และช่วยประคับประครองความคิดที่ดีให้อยู่ในแนวทางที่เหมาะสม
ทำได้ดังนี้ ชีวิตนี้ก็จะประสบกับความก้าวหน้า ดังพุทธศาสนสุภาษิตว่า สะติมะโต
สะทา ภัททัง แปลว่า คนมีสติ มีความเจริญทุกเมื่อ
.............................................