วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557

มงคลคาถา


                ปัจจุบันคนไทยยังมีพื้นฐานความเชื่อเรื่องฤกษ์ยามอย่างเหนียวแน่น เช่น เวลาจะทำบุญขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน เปิดอาคารร้านค้า หรือแม้แต่จะบวชก็ต้องพึ่งพาฤกษ์ยามอยู่เสมอ เพราะมีความเชื่อว่า หากทำพิธีตรงกับฤกษ์หรือยามดี ก็จะเกิดมงคลแก่ชีวิตและกิจการนั้นๆ มีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ การถือฤกษ์ยามน่าจะไม่มีปัญหาอะไร หากคิดว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีให้กับชีวิต แต่จะเป็นปัญหา ถ้าเอาความหวังไปฝากไว้กับฤกษ์ยามให้เป็นตัวกำหนดชีวิตแทนที่ตนเองจะเป็นผู้กำหนด
                พระพุทธศาสนาถือว่าชีวิตจะดีหรือไม่ดี จะเจริญขึ้นหรือเสื่อมลง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฤกษ์ยามหรือดวงดาวหากแต่ขึ้นอยู่กับการกระทำของแต่ละบุคคล ใครทำดีทำถูกต้องเวลาใด ความเป็นมงคลก็เกิดขึ้นกับคนนั้นเวลานั้น ในเรื่องนี้พระรัตนปัญญาเถระ นักปราชญ์ชาวล้านนาในอดีตได้สรุปคาถาไว้ ๔ คำ ในหนังสือชื่อ            วชิรสารัตถสังคหะ สำหรับทำชีวิตให้เป็นมงคล เรียกว่า คาถากาสลัก คือ จะ ภะ กะ สะ มาจากคำเต็มว่า
                - จะชะ ทุชชะนะสังสัคคัง               แปลว่า หลีกเลี่ยงจากการคบทรชนคนพาล
                -ภะชะ สาธุสะมาคะมัง                     แปลว่า ให้สมาคมคบหาคนดีหรือสังสรรค์บัณฑิต
                - กะระ ปุญญะมะโหรัตตัง               แปลว่า จงทำความดีทุกวันทุกคืนหรือทำดีเป็นนิตย์
                - สะระ นิจจะมะนิจจะตัง                 แปลว่าคิดถึงอนิจจังคือความเปลี่ยนแปลงไว้เสมอ
                ความเป็นมงคลของชีวิตนั้น จะเกิดขึ้นก็เพราะการรู้จักฉลาดทำและรู้จักเลือกใช้ชีวิตให้ดี ดังเช่นมงคลคาถา ๔ ข้อข้างต้น ถือว่าเป็นหลักการในการดำเนินชีวิตให้เป็นมงคลได้โดยไม่ต้องพึ่งพาฤกษ์ยาม และเป็นอันหวังได้อย่าง แน่นอนว่า ชีวิตจะมีแต่ความสุข ความเจริญก้าวหน้า
                มีหลักจำง่ายๆ และควรท่องจำให้ขึ้นใจว่า จะ หลีกเลี่ยงคนพาล ภะ สังสรรค์บัณฑิต กะ ทำดีเป็นนิตย์ สะ คิดถึงอนิจจัง และโปรดระลึกไว้ว่า
                                ควรสร้างความดีศรีชีวิต                     ทำ พูด คิดสิ่งใดใฝ่กุศล
                                นี้แหละคือทางตรงเป็นมงคล           ทั่วสากลดีหรือชั่วเพราะตัวทำ
.............................................