วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ฟังแล้วไม่โกรธ


 ฟังแล้วไม่โกรธ
                คำพูดสร้างความสุขและทุกข์ให้คนได้ง่ายที่สุด ในสุตตันตปิฎก คัมภีร์มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ จึงสอนวิธีฟังคำพูดของผู้อื่นเพื่อไม่ให้เกิดความทุกข์ไว้ว่า ถ้อยคำที่ผู้อื่นจะพูดกับเรานั้นมีห้าลักษณะคือ
                ๑.พูดได้ถูกกาลเวลาบ้าง ไม่ถูกกาลเวลาบ้าง
                ๒.พูดเรื่องจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง
                ๓.พูดคำอ่อนหวานบ้าง คำหยาบคายบ้าง
                ๔.พูดเรื่องมีสาระบ้าง ไร้สาระบ้าง
                ๕.พูดด้วยเมตตาบ้าง พูดด้วยโทสะบ้าง
                เมื่อเขากล่าวถ้อยคำเหล่านี้อยู่ พึงตั้งใจให้มั่นว่า จิตของเราจะไม่แปรปรวน จะไม่เปล่งวาจาหยาบคาย โต้ตอบ เราจะเกื้อกูลแนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่เขาเท่าที่ทำได้ จะมีเมตตาต่อเขา ไม่โกรธตอบ เราจะปรารถนาให้เขามีความสุข ไม่มีเวร ไม่พยาบาทต่อเขาเลย
                เพราะเราบังคับคนทั้งโลกให้พูดตามที่เราต้องไม่ได้ จึงต้องบังคับตัวเองให้เข้มแข็งแทนด้วยการปฏิบัติตามคำสอนข้างต้น จิตใจที่เข้มแข็งและมีเมตตาจะทำให้บรรเทาความโกรธเสียได้ ทำให้ชีวิตเป็นสุขขึ้นดังคำประพันธ์ที่ว่า
                                                ฆ่าความโกรธได้ก็หายทุกข์               เกษมสุขเสพสันต์และหรรษา
                                ไร้ธุลีกลุ้มรุมสุมอุรา                                           ดั่งจันทราเมฆหมดไม่บดบัง
                                ไม่ฆ่าโกรธให้ตายไม่คลายทุกข์                        จะหมายสุขเสพสันต์นั้นอย่างหวัง
                                เหมือนเมฆหมอกราคีมีพลัง                             เข้าบดบังเปื้อนปะศศิธร
............................................