การทำความเคารพ
เป็นธรรมเนียมอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดความเจริญแก่หมู่คณะ
ในทางทหารถึงกับกำหนดให้เป็นวินัยที่ต้องปฏิบัติ
แต่การทำความเคารพเหตุผลว่าเป็นข้อกำหนด แม้จะเกิดผลดี แต่ก็ยังไม่ดีที่สุด ความเคารพที่ดีที่สุดต้องเป็นความเคารพที่ออกจากจิตใจ
ได้แก่จิตใจที่มองเห็นความดีของผู้อื่นในด้านชาติวุฒิ คุณวุฒิ วัยวุฒิ
และจิตใจเช่นนั้นก็กระตุ้นให้แสดงออกในรูปของการทำความเคารพ
ในทางพุทธศาสนาได้กล่าวถึงความเคารพชนิดนี้ ว่าจะเป็นเครื่องมือกำจัดกิเลส ๔ ประการ
คือ
๑. มักขะ ลบหลู่ความดีของผู้อื่น
ทั้งๆ ที่ผู้อื่นมีความดี ก็มองไม่เห็นว่าจะดีอย่างไร
เห็นไปว่าเป็นการยกย่องกันไปเอง เป็นเรื่องของค่านิยม หาสาระอะไรไม่ได้
๒. ปลาสะ ตีเสมอผู้อื่น
คือแม้จะยอมรับว่าผู้อื่นมีดีจริง แต่ก็ยกตัวขึ้นเทียบว่ามีดีเท่ากับ ไม่เห็นมีอะไรแตกต่าง
ทั้งที่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่
๓. ถัมภะ หัวดื้อ
ไม่ฟังเหตุผลของใคร จนก่อความยุ่งยากวุ่นวายอยู่เนืองๆ
๔. อติมานะ ดูหมิ่นผู้อื่น
เห็นว่าผู้อื่นเลวกว่าตนไปเสียหมด
ทั้ง ๔ ประการนี้
เป็นกิเลสที่มีผลต่อบุคลิกภาพโดยตรง ทำให้เป็นที่รังเกียจระอาของผู้อื่น
ทั้งตนเองก็ต้องคลาดจากความดีที่ควรจะได้
เพราะเป็นการตัดหนทางแห่งการพัฒนาศักยภาพและความคิดอ่านที่สูงขึ้นไปถึงจะมีความรู้ความสามารถเป็นทุนเดิมอยู่บ้าง
แต่ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต
เพียงยกมือขึ้นทำความเคารพครั้งหนึ่ง
แล้วเอามือลง ง่ายและสั้นจนแทบเรียกไม่ได้ว่าเป็นการลงทุนแต่ผลที่ได้นั้นมหาศาล
เพราะเป็นที่มาของความนิยมศรัทธาจากผู้อื่นว่าเป็นผู้มีวินัย มีวัฒนธรรม
รู้จักที่ต่ำที่สูง น่าคบหา ยิ่งเป็นการทำความเคารพที่ออกจากใจด้วยแล้ว
ก็เท่ากับเป็นการยกระดับชีวิตจิตใจของตนเองให้สูงขึ้นในทุกขณะที่ทำนั่นเอง
............................................