เคยมีข่าวหญิงสาวคนหนึ่งปีนเสาไฟฟ้าเพื่อที่จะฆ่าตัวตาย
กว่าตำรวจและญาติๆ จะช่วยพูดคุยเกลี้ยกล่อมและช่วยลงมาได้ต้องใช้เวลาอยู่เป็นชั่วโมง
ท้ายข่าวยังบอกด้วยว่า ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน
หญิงผู้นี้ได้เข้าวัดไปนั่งสมาธิเพื่อทำใจให้สงบ
แต่กลับยิ่งเครียดหนักจนก่อเหตุดังกล่าว ทำให้มีผู้ตั้งข้อสงสัยในทำนองว่า การทำสมาธิทำให้เกิดผลดีจริงหรือ
ในเรื่องนี้มีการทำความเข้าใจเกี่ยวกับประโยชน์ของสมาธิ ไว้ดังนี้
๑.ประโยชน์ขั้นแรก
ชาวพุทธส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเมื่อเกิดปัญหาถ้าจะใช้พุทธในการแก้ไข
คือต้องปฏิบัติธรรมด้วยการ บำเพ็ญสมาธิ แต่ความจริงก็คือ
สมาธิที่จะช่วยป้องกันปัญหาได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องเป็นสมาธิที่ผ่านการบำเพ็ญอบรมมาเป็นระยะเวลาหนึ่งเป็นอย่างดีก่อนจนเกิดผลเป็นความมั่งคงของจิต
เป็นสมาธิพร้อมใช้
จิตที่เป็นสมาธิอยู่เสมอนี้ย่อมมีพลังที่จะควบคุมตัวเองได้ในระดับหนึ่ง
ไม่ฟุ้งซ่านไปตามอารมณ์และเหตุการณ์ที่ประสบ
จึงเป็นเหมือนเครื่องช่วยป้องกันปัญหาได้เป็นด่านแรก
นี้เป็นประโยชน์ในเบื้องต้นของสมาธิ
๒.ประโยชน์สูงสุด
ได้แก่การใช้สมาธิเป็นทางไปสู่ปัญญา
ขั้นนี้เป็นวัตถุประสงค์แท้จริงของสมาธิในพระพุทธศาสนา
เพราะโดยปกติแม้จะคิดอ่านการงานอะไรก็จำเป็นต้องมีสมาธิเป็นตัวสร้างโอกาสให้จิตใจได้ทำงานอยู่แล้วยิ่งเรื่องของชีวิตซึ่งเป็นเรื่องที่มีกิเลสเข้ามาเกี่ยวข้องครอบงำอยู่ทุกขณะ
การจะแก้ปัญหาจึงต้องอาศัยจิตใจที่มั่นคงเพิ่มขึ้นเพื่อประครองจิตให้คิดอ่านอยู่ในแนวของเหตุและผลให้มากที่สุด
ไม่คิดไปตามอารมณ์ฟุ้งซ่านด้วยอำนาจกิเลส
สมาธิยิ่งกล้าแกร่งสมบูรณ์เท่าใดโอกาสที่จะเห็นหนทางที่ถูกต้องที่สุด
ดีงามที่สุดก็มีมากขึ้นเท่านั้น ดังพระพุทธพจน์ที่ว่า
“ผู้มีจิตตั้งมั่นแล้วย่อมรู้เห็นตามที่เป็นจริงได้”
สรรพสิ่งในโลกย่อมมีความจริงกำกับอยู่ทั้งสิ้น
ดังคำกล่าวที่ว่า “ทุกสิ่งย่อมเกิดจากเหตุ
ถ้าเข้าไปค้นพบเหตุหรือความจริงของเรื่องนั้นได้ ก็แก้ปัญหาทุกอย่างได้
เครื่องมือสำคัญก็คือสมาธินี้เอง” เพียงแต่ต้องฝึกฝนและใช้ให้ถูกต้องเท่านั้น
............................................