วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

อวดดี


                ธรรมชาติของคนที่คล้ายกันอย่างหนึ่งคือ ต้องการความดีหรือสิ่งดีๆ ให้เกิดมีในชีวิตตน เพราะคำว่า ดี เป็นสภาวะที่จรรโลงใจ น่าปรารถนา น่าพอใจ แต่มีข้อแม้ว่าเมื่อมีดีแล้ว ต้องรักษาดีที่มีอยู่ให้คงไว้ดุจเกลือรักษาความเค็ม หรือทำความดีให้มากๆ อย่ารู้สึกเบื่อหน่ายหรืออิ่มตัวในการสร้างความดี ต้องทำดีเพื่อความดี บูชาความดีด้วยใจจริง และมีดีแล้วต้องไม่อวดดี มิฉะนั้นจะเกิดความเสียหายเพราะการอวดดี ดังเรื่องเล่าปรัมปรามาว่า วันหนึ่งนิ้วมือทั้งห้าคุยกัน ในเชิงโอ้อวดว่าตนเก่ง ตนดี มีความสำคัญกว่านิ้วอื่นอย่างนั้นอย่างนี้
                นิ้วหัวแม่มือ พูดขึ้นก่อนว่า ข้านี้สำคัญที่สุด เพราะเพียงชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นหัวหน้า บางครั้งเจ้านายไม่เงิน พาเข้าโรงจำนำ ก็ใช้ข้านี่แหละพิมพ์หัวแม่มือแทน ยิ่งเมื่อจะเอ่ยถึงคนไหน สิ่งใดที่ดีเลิศหรือเป็นที่หนึ่ง ก็มักจะยกข้าขึ้นแสดง
                นิ้วชี้ คุยอวดบ้างว่า ตัวข้าสำคัญกว่า เพราะงานทั้งหลายที่เจ้านายสั่งให้ทำ จะสำเร็จได้ต้องอาศัยข้า เป็นคนชี้บอก
                นิ้วกลาง คุยอวดทับว่า ท่านทั้งสองสำคัญก็จริงแต่ข้าสำคัญที่สุด ไม่ต้องอะไรมาก เพียงแค่เรื่องความสูงเด่นเป็นสง่า ข้าก็กินขาดแล้ว
                นิ้วนาง ไม่ยอมน้อยหน้าคุยว่า ข้านี่แหละคือผู้มีความสำคัญตัวจริง เพราะเจ้านายรักและไว้ใจข้ามากขนาดแหวนเพชร แหวนทอง ราคาเป็นหมื่นเป็นแสน ท่านก็สวมใส่ให้ข้าคนเดียว
                นิ้วก้อยน้องน้อยสุด คุยอวดว่า ถึงฉันจะตัวเล็กอยู่ท้ายแถวก็จริง แต่เวลาที่เจ้านายไหว้พระหรือประณมมือไหว้ ฉันนี่แหละอยู่ข้างหน้า พวกพี่ๆ ต้องตามหลังฉันทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ฉันจึงสำคัญที่สุด
                เมื่อเกิดการขัดแย้งไม่ลงรอยกัน นิ้วทั้งห้า ก็บิดพลิ้วเกี่ยงงอนไม่ยอมร่วมมือกัน ปากจะกินอาหาร นิ้วก็ไม่ช่วยกันหยิบจับอาหารใส่ปากให้ เมื่อร่างกายเกิดอาการคัน ก็เกี่ยงกันไม่มีนิ้วไหนยอมเกาให้หายคัน สุดท้ายแม้จะเขียนหนังสือทำงานอะไรอื่น ก็ไม่สามารถทำได้ทั้งสิ้น จนชีวิตต้องพบกับความเสื่อมโทรม เพราะเหตุที่นิ้วมือแตกความสามัคคี

............................................