วันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

คนมีสี

คนมีสี
                คนมีสี ความหมายก็คือคนในเครื่องแบบ หรือข้าราชการ ผู้มียศศักดิ์ มีอำนาจหน้าที่ในทางราชการ เช่น ทหาร ตำรวจ ตลอดจนข้าราชการพลเรือน ส่วนบุคคลที่ไม่มีสิทธิ์แต่งเครื่องแบบของทางราชการก็ถือกันว่าเป็นคนไม่มีสี บุคคลประเภทนี้ถ้าจะพึงมีอำนาจ หรือเป็นผู้กว้างขวางขึ้นมา ก็มักนิยมเรียกกันไปอีกอย่างหนึ่งว่า ผู้มีอิทธิพลหรือเจ้าพ่อ
                ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนที่เกิดมาต่างก็มีชีวิตที่มีส่วนประกอบสำคัญอยู่สองส่วนเหมือนกันคือ กายส่วนหนึ่ง กับใจอีกส่วนหนึ่ง ทั้งกายและใจของทุกคนก็มีสีอยู่อย่างน้อยสองสี คือ สีดำกับสีขาว สีขาวดำที่อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายนั้น เป็นเรื่องของรูปธรรมตามธรรมชาติและสังเกตได้ง่าย แต่ในส่วนของจิตใจนั้นมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ต้องอาศัยการคบค้าสมาคม ใช้เวลาสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันจึงจะรู้ได้ เมื่อว่าโดยสภาวะ ใจคนจะขาวหรือดำนั้นย่อมขึ้นอยู่กับมโนธรรมของคนคนนั้น ถ้าเป็นคนมีจิตใจบริสุทธิ์ มีคุณธรรม ก็ถือว่าเป็นคนมีใจสีขาว ส่วนคนที่มีใจไม่บริสุทธิ์ คิดอกุศล ตกอยู่ในอำนาจความโลภ โกรธ หลง ก็ถือว่าเป็นคนมีน้ำใจสีดำ ดังนั้น คนมีสีจะพึงพอใจเฉพาะเครื่องแบบ อาชีพและยศถาบรรดาศักดิ์เท่านั้นหาเพียงพอไม่ เพราะเป็นแต่เพียงสีภายนอก จำเป็นต้องตกแต่งขัดเกลาความคิดจิตใจให้บริสุทธิ์สะอาด หรืออย่างน้อยก็ต้องมีการพัฒนาคุณธรรมที่สำคัญ อาทิ ความซื่อสัตย์สุจริต ความเสียสละอดทน ให้มีขึ้นในใจ จึงจะชื่อว่ามีสีสดใสงดงามอย่างครบถ้วน แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีเครื่องแบบเป็นสีประจำชีวิตหรือแม้แต่คนที่สีกายอัปลักษณ์ การพัฒนาตนเองไปสู่ความสะอาดบริสุทธิ์และมีคุณธรรม จะทำให้จิตใจมีสีสันที่งดงาม มีชีวิตที่ทรงคุณค่า เข้าทำนอง “ดำแต่นอกในแผ้ว ผ่องเนื้อนพคุณ”
                คนมีสีตามความหมายทั่วไปมักมีความภาคภูมิใจ มั่นใจ และอบอุ่นใจ เพราะหมายถึงมีสถาบัน มีองค์กรเป็นที่พึ่ง และหากชำระจิตใจของตนให้ขาวบริสุทธิ์ได้ด้วย ก็จะมีตนเองเป็นที่พึ่งอีกชั้นหนึ่ง ความภาคภูมิใจ มั่นใจและอบอุ่นใจ ย่อมจะเพิ่มเป็นทวีคูณแน่นอน

............................................