สำคัญที่ตนเอง
มีคนจำนวนหนึ่งมักพูดในทำนองว่า
การที่ตัวเขาทำชั่วลงไปบ้าง ชีวิตต้องตกอับบ้าง ต้องพลาดหวังจากลาภยศตำแหน่งบ้าง
ถูกคนอื่นรังเกียจบ้าง ถูกจับกุมคุมขังบ้าง
ก็เพราะมีคนอื่นหรือสิ่งอื่นเป็นสาเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น โดยที่ไม่ได้เหลียวมองถึงจุดบกพร่องของตนเอง
ทั้งนี้ก็เพราะปกติคนเรานั้นมักจะเข้าข้างตัวเองเสมอ
คิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก พูดถูก คิดถูก และทำถูกต้องแล้ว
ถึงแม้จะมีผิดบ้างก็มีเหตุผลที่น่าเห็นใจ ด้วยเหตุนี้
เมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่สบปรารถนาเกิดขึ้นกับตนจึงมักจะโทษผู้อื่นหรือสิ่งอื่น เช่น
กล่าวโทษว่าดวงไม่ดี โทษว่าเพราะมีคนบังคับให้ทำบ้าง มีสิ่งล่อใจให้ทำบ้าง
ไม่ได้รับความยุติธรรม หรือถูกใส่ร้ายป้ายสีบ้าง แต่โดยข้อเท็จจริง
สิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายที่เกิดขึ้นนั้น มีสาเหตุมาจากตนเองเป็นส่วนใหญ่
โดยข้อเท็จจริง แม้สังคมและสิ่งแวดล้อมจะมีอิทธิพลต่อชีวิตของมนุษย์อยู่บ้างก็ตาม
แต่หลักการใหญ่ก็อยู่ที่การปฏิบัติของตนเองเป็นสำคัญ
เราห้ามฝนไม่ให้ตกไม่ได้
แต่ห้ามตัวเองไม่ให้เปียกฝนได้
เราห้ามไม่ให้แดดออกไม่ได้
แต่ห้ามตัวเองไม่ให้โดนแดดได้
ดังนั้น
เมื่อสิ่งที่ไม่พึงปรารถนามากระทบชีวิต
ผู้มีปัญญาก็จะพิจารณาถึงตนเองก่อนเป็นอันดับแรกว่าจะปฏิบัติตนเองอย่างไรจึงจะเป็นสิ่งถูกต้อง
เพราะอยู่ในวิสัยที่ทำได้อย่างเต็มที่ ทำได้ทุกเวลา และหวังผลได้แน่นอน
ต่างจากการจะปฏิบัติต่อคนอื่นหรือสิ่งอื่น แม้หลักพระพุทธศาสนาก็ยังระบุว่า
“คนจะดี จะชั่ว จะบริสุทธิ์ หรือเศร้าหมอง อยู่ที่ตนเองว่าทำดีหรือชั่วเป็นสำคัญ
ส่วนผู้อื่นจะมาทำให้เราดีหรือชั่ว ให้บริสุทธิ์หรือเศร้าหมอง มิได้”
ฉะนั้นจึงควรเพ่งพิจารณาที่ตนเป็นสำคัญ ดังโคลงโลกนิติที่ว่า
อย่าโทษไทท้าวท่วย เทวา
อย่าโทษสถานภูเผา ย่านกว้าง
อย่าโทษหมู่วงศา มิตรญาติ
โทษแต่กรรมเองสร้าง ส่งให้เป็นเอง
............................................