จันทร์เพ็ญ
งานกำกับดูแล ปกครองคน
เป็นงานที่ท้าทายความรู้ความสามารถของผู้นำเป็นอย่างยิ่ง
เพราะต้องอาศัยทั้งศาสตร์และศิลป์ที่ผสมผสานกันอย่างเหมาะเจาะ
จึงจะบังเกิดผลสำเร็จ เนื่องจากคนอยู่ด้วยกันทำงานร่วมกันจำนวนมาก ย่อมมีทัศนคติ
อุปนิสัย และความประพฤติที่แตกต่างกัน บางคนอยู่ในระเบียบวินัย
ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบ เป็นที่ไว้วางใจของผู้บังคับบัญชา
บางคนก็ทำผิดบ้าง บางคนก็สร้างแต่ปัญหาให้หนักใจบ้าง แต่ถึงกระนั้น
ผู้นำหรือผู้บังคับบัญชาก็ต้องดูแลช่วยเหลือ ปกครองทุกคนที่อยู่ในขอบเขตหน้าที่ของตนอยู่นั่นเอง
จะเลือกติดต่อสมาคมเฉพาะผู้ที่ตนชอบ ตัดคนที่ตนเกลียดก็ไม่ได้
เพราะผู้นำต้องเป็นใหญ่ให้เต็มตามหน้าที่และใหญ่สำหรับทุกคน
ถ้าจะเปรียบเทียบก็เป็นเหมือนพระจันทร์บนท้องฟ้า ธรรมดาว่าพระจันทร์
หากคิดจะส่องแสงให้ชื่นใจเฉพาะคนที่รัก สัตว์ที่ชอบ และเก็บแสงนวลให้พ้นจากสายตาของหมู่พวกที่ตนไม่ชอบเสียแล้ว
พระจันทร์ดวงนั้นก็จะไม่มีโอกาสได้เป็นจันทร์เพ็ญที่สวยงามได้เลย
แต่คงมีสภาพเป็นพระจันทร์ที่ถูกบดบังด้วยเมฆหมอกมลทินไร้สง่าราศี
ผู้นำจึงไม่ควรตัดความสัมพันธ์กับคนในปกครองบางคนเพราะเหตุคือความไม่ชอบใจ เพียงแต่ต้องแยกแยะความสัมพันธ์และหน้าที่ให้เหมาะกับบุคคลและเหตุการณ์
อย่างน้อยที่สุดต่อบุคคล ๓ ประเภท คือ
คนดี หมายถึง
คนที่ตั้งอยู่ในสุจริต ไม่ทำผิดหรือก่อเรื่องให้หนักใจ
คนประเภทนี้ต้องยกย่องส่งเสริมให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป
คนเจ็บ หมายถึง คนที่ทำผิดบ้างถูกบ้าง
หรือผิดๆ ถูกๆ ดีชั่วปะปนกันไป ประเภทนี้ต้องคอยเอาใจใส่ประคับประครอง
ชักนำให้ไปสู่ความถูกต้องดีงาม ไม่ปล่อยปละละเลย
คนตาย หมายถึง คนที่ทำผิดจังๆ
ไม่มีทางที่จะว่าเป็นอย่างอื่นได้ ก็ต้องจัดการไปตามระเบียบ
ไม่ปล่อยไว้จนกระทบกระเทือนถึงคนดี หรือทำให้คนเจ็บทำตาม เพราะจะเป็นผลเสียแก่ส่วนรวมได้
หากทำได้อย่างนี้
จะชื่อว่าไม่เพียงทำหน้าที่ต่อคนทุกคนอย่างทั่วหน้าเท่านั้น
แต่ยังทำได้อย่างดีมีคุณภาพเหมือนจันทร์เพ็ญยามไร้เมฆหมอก ย่อมส่องได้ทั่วถึง
ส่องได้กระจ่าง สร้างความเย็นตาเย็นใจต่อผู้พบเห็นยิ่งนัก
............................................