วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2560

ทำไมจึงฝัน

 ทำไมจึงฝัน
                “ฝัน” ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ให้ความหมายไว้ว่า การเห็นเป็นเรื่องราวเมื่อหลับ โดยปริยายหมายถึงการนึกเห็นในขณะที่ตื่นอยู่ ซึ่งไม่อาจจะเป็นจริงได้ อย่างเช่นคำว่า ฝันลมๆ แล้งๆ ฝันกลางวัน
                ในคัมภีร์สารัตถสังคหะ พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า คนที่ฝันร้าย คือฝันเห็นสิ่งต่างๆ ที่น่ากลัว เป็นเพราะเหตุที่ไม่มีสติสัมปชัญญะในเวลานอนหลับ ส่วนผู้ที่มีสติตั้งมั่น มีสัมปชัญญะสมบูรณ์อยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งหลับแล้วก็จะฝันเห็นแต่สิ่งที่ดีเสมอ ไม่ฝันถึงสิ่งชั่วร้ายหรือสิ่งที่น่าหวาดกลัวเลย ความฝันดีย่อมเกิดจากจิตสงบ ถ้าอยากฝันดีก็ควรตั้งใจดี มีเมตตาแก่ทุกๆ คน โดยมูลเหตุแห่งฝันมีด้วยกัน ๔ ประการ คือ
                ๑.บุพนิมิต เกิดจากมีเหตุบอกให้รู้ล่วงหน้า ว่าจะมีเหตุดีหรือร้ายอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นแก่ตนเองหรือคนใกล้ชิด
                ๒.จิตอาวรณ์ เกิดจากดวงจิตที่พะวงถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือพัวพันอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งก่อนจะหลับ จึงเก็บเอาเรื่องนั้นไปฝัน
                ๓.เทพสังหรณ์ เกิดจากอิทธิฤทธิ์ของเทวดา เพราะเทวดาต้องการให้โทษหรือให้คุณ (หมายถึงความเชื่อในสิ่งที่ปกปักษ์รักษาตนเอง แล้วเก็บไปฝัน)
                ๔.ธาตุกำเริบ เกิดจากธาตุกำเริบ คือการที่ร่างกายไม่ปกติ ครั้นหลับลงจึงฝันเห็นเรื่องราวต่างๆ s
                ความฝันเป็นเรื่องที่มนุษย์รู้จักและให้ความสนใจมาตั้งแต่โบราณกาล แต่ไม่ว่าจะฝันดีหรือฝันร้าย มนุษย์ก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในโลกของความฝันได้ มนุษย์จะต้องตื่นขึ้นมาพบกับความจริงในชีวิตจริงเสมอเมื่อตื่นขึ้นมาสิ่งหนึ่งที่ต้องยึดไว้มั่นก็คือการใช้ปัญญา ใช้เหตุผล และความไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต ซึ่งจะช่วยทำให้ปัจจุบันและอนาคตพบแต่สิ่งดีงามโดยไม่ต้องมัวพะวงกับความฝันเลย               

............................................