ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า
ในกระแสแห่งความนึกคิดของคนเราโดยทั่วไปจะมีการต่อสู้กันระหว่างความดีกับความไม่ดี
หรือระหว่างธรรมกับอธรรม บางครั้งฝ่ายธรรมชนะ บางครั้งฝ่ายอธรรมก็ชนะ สลับกัน
แต่สำหรับปุถุชนแล้วส่วนมากอธรรมมักเป็นฝ่ายชนะ เพื่อจะให้ฝ่ายธรรมได้ชนะมากขึ้นหรือชนะมากกว่าแพ้
ทางพระพุทธศาสนามีหลักธรรมหมวดหนึ่งเรียกว่า บารมีหรือบารมีธรรม
คือคุณความดีที่ควรบำเพ็ญเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ดีงาม บารมีนี้เป็นคู่ปรับอธรรม
ท่านจัดเป็นคู่ๆ ไว้ ๑๐ คู่ คือ
๑.ทานบารมี
การเสียสละ การบริจาค คู่ปรับของความตระหนี่
๒.ศีลบารมี
การมีศีล คู่ปรับของการไม่มีศีล
๓.เนกขัมมบารมี
ความสงบระงับจากการถูกกามารมณ์เบียดเบียนแม้ชั่วขณะจิต
คู่ปรับของความฟุ้งซ่านตามกระแสของกามารมณ์
๔.ปัญญาบารมี
การรู้เห็นที่ถูกต้องตามความเป็นจริงของสิ่งนั้นๆ คู่ปรับของอวิชชาคือความรู้เห็นที่ผิดพลาดจากความเป็นจริง
๕.วิริยบารมี
ความพากเพียรพยายามในทางที่ถูกต้อง คู่ปรับของความเกียจคร้านในการงานที่ถูกต้อง
๖.ขันติบารมี
ความอดทน อดกลั้น ต่อสิ่งที่ไม่พอใจ คู่ปรับของความโกรธ
๗.สัจจบารมี
รักษาความจริง ความถูกต้อง ตามครรลองคลองธรรม คู่ปรับของคำพูดจามดเท็จ
๘.อธิษฐานบารมี
การตั้งใจแน่วแน่ในหน้าที่การงานที่กระทำ คู่ปรับของความโลเล
ความไม่ตั้งใจจริงในหน้าที่การงานที่กระทำ
๙.เมตตาบารมี
ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เอื้ออาทรต่อผู้อื่น คู่ปรับของความอาฆาตมาดร้ายต่อผู้อื่น
๑๐.อุเบกขาบารมี
ความวางใจเป็นกลาง ไม่โอนเอียงไปเข้าข้างใดข้างหนึ่ง คู่ปรับของอคติ
ความลำเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง
คราวใดอธรรมเกิดขึ้นในใจ
ต้องพยายามใช้บารมีข้อใดข้อหนึ่งเป็นคู่ปรับกันให้ทันกาลเวลา ถ้าปฏิบัติได้แล้ว
จะมีชัยชนะทุกคราวที่บารมีเกิดขึ้น เมื่อฝึกบ่อยๆ ก็จะสามารถชนะอธรรมได้มากขึ้น
ซึ่งก็คือประสบความสำเร็จได้มากขึ้นนั่นเอง
...................................