วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

บารมีสิบ


                ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า ในกระแสแห่งความนึกคิดของคนเราโดยทั่วไปจะมีการต่อสู้กันระหว่างความดีกับความไม่ดี หรือระหว่างธรรมกับอธรรม บางครั้งฝ่ายธรรมชนะ บางครั้งฝ่ายอธรรมก็ชนะ สลับกัน แต่สำหรับปุถุชนแล้วส่วนมากอธรรมมักเป็นฝ่ายชนะ เพื่อจะให้ฝ่ายธรรมได้ชนะมากขึ้นหรือชนะมากกว่าแพ้ ทางพระพุทธศาสนามีหลักธรรมหมวดหนึ่งเรียกว่า บารมีหรือบารมีธรรม คือคุณความดีที่ควรบำเพ็ญเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ดีงาม บารมีนี้เป็นคู่ปรับอธรรม ท่านจัดเป็นคู่ๆ ไว้ ๑๐ คู่ คือ
                ๑.ทานบารมี การเสียสละ การบริจาค คู่ปรับของความตระหนี่
                ๒.ศีลบารมี การมีศีล คู่ปรับของการไม่มีศีล
                ๓.เนกขัมมบารมี ความสงบระงับจากการถูกกามารมณ์เบียดเบียนแม้ชั่วขณะจิต คู่ปรับของความฟุ้งซ่านตามกระแสของกามารมณ์
                ๔.ปัญญาบารมี การรู้เห็นที่ถูกต้องตามความเป็นจริงของสิ่งนั้นๆ คู่ปรับของอวิชชาคือความรู้เห็นที่ผิดพลาดจากความเป็นจริง
                ๕.วิริยบารมี ความพากเพียรพยายามในทางที่ถูกต้อง คู่ปรับของความเกียจคร้านในการงานที่ถูกต้อง
                ๖.ขันติบารมี ความอดทน อดกลั้น ต่อสิ่งที่ไม่พอใจ คู่ปรับของความโกรธ
                ๗.สัจจบารมี รักษาความจริง ความถูกต้อง ตามครรลองคลองธรรม คู่ปรับของคำพูดจามดเท็จ
                ๘.อธิษฐานบารมี การตั้งใจแน่วแน่ในหน้าที่การงานที่กระทำ คู่ปรับของความโลเล ความไม่ตั้งใจจริงในหน้าที่การงานที่กระทำ
                ๙.เมตตาบารมี ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เอื้ออาทรต่อผู้อื่น คู่ปรับของความอาฆาตมาดร้ายต่อผู้อื่น
                ๑๐.อุเบกขาบารมี ความวางใจเป็นกลาง ไม่โอนเอียงไปเข้าข้างใดข้างหนึ่ง คู่ปรับของอคติ ความลำเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง
                คราวใดอธรรมเกิดขึ้นในใจ ต้องพยายามใช้บารมีข้อใดข้อหนึ่งเป็นคู่ปรับกันให้ทันกาลเวลา ถ้าปฏิบัติได้แล้ว จะมีชัยชนะทุกคราวที่บารมีเกิดขึ้น เมื่อฝึกบ่อยๆ ก็จะสามารถชนะอธรรมได้มากขึ้น ซึ่งก็คือประสบความสำเร็จได้มากขึ้นนั่นเอง

...................................