วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

มนุษย์-ภูเขาไฟ


                ภูเขาไฟ เมื่อสังเกตจากรูปลักษณ์ภายนอก ก็ดูเหมือนจะไม่แตกต่างจากภูเขาธรรมดาทั่วไป แต่ในความเป็นจริง ภูเขาไฟต่างจากภูเขาประเภทอื่นเป็นอย่างยิ่งตรงที่มีไฟ หรือลาวา ที่ร้อนแรงอยู่ภายใน ขณะที่ภูเขาอื่นไม่มี เมื่อใดที่ภูเขาไฟยังไม่ระเบิด หรือไม่มีอาการส่อว่าจะระเบิด ก็มองไม่ออก มีต้นไม้ นานาพันธุ์ขึ้นอยู่เขียวขจีหรือไม่ก็มีหิมะปกคลุมในหน้าหนาวขาวโพลนไปทั่ว แต่เมื่อใดเกิดการระเบิด เมื่อนั้นจึงจะรู้ได้โดยประจักษ์ชัดว่าเป็นภูเขาไฟ ความร้อนและลาวาที่ถูกพ่นออกมา นอกจากจะทำให้ภูเขาต้องระเบิดทำลายตัวเองแล้ว ยังเผาไหม้หลอมละลายสร้างความเสียหายให้แก่ต้นไม้ สัตว์ป่า สิ่งมีชีวิต รวมถึงมนุษย์ที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง ก็ประสบภัย ทำให้เดือดร้อนไปตามๆ กันอีกด้วย
                ผู้คนที่เราพบเห็นอยู่ในสังคมก็เช่นกัน ดูจากภายนอกหรือสัมผัสเพียงผิวเผินก็เห็นเป็นบุคคลปกติธรรมดาไม่ต่างจากใครอื่น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภายในร่างกายของคนที่มีความละม้ายคล้ายกันในทางรูปธรรมนั้น ย่อมมีสิ่งหนึ่งที่ต่างกันมาก และไม่สามารถสังเกตจากรูปร่างภายนอกได้ สิ่งนั้นคือจิตใจ คนบางคนมีรูปร่างหน้าตาบุคลิกดีมีฐานะดี แต่งตัวดี ตำแหน่งหน้าที่การงานดี มียศมีศักดิ์ในสังคม ดูแล้วชีวิตน่าจะสมบูรณ์พูนสุข แต่ในความเป็นจริงยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ดูปกติดีแต่ภายนอก ส่วนภายในจิตใจเร่าร้อนระอุคุกรุ่น ไม่ต่างจากภูเขาไฟพร้อมที่จะระเบิดอยู่ตลอดเวลา อันเนื่องมาจากไฟคือกิเลส ได้แก่ความละโลภมาก ความโกรธแค้นอาฆาตพยาบาท และความลุ่มหลงมัวเมาในสิ่งที่ผิด ตลอดจนการปล่อยตัวปล่อยใจให้จมอยู่กับสิ่งที่พระท่านเรียกว่า อนิฏฐารมณ์ กล่าวคือเสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกนินทา และความทุกข์ร้อนต่างๆ สภาพเหล่านี้เป็นเสมือนไฟสุมอก เร่าร้อนรุนแรงกว่าความร้อนของภูเขาไฟหลายเท่านัก
                ใครที่ตกอยู่ในลักษณะเย็นนอกร้อนในเช่นนี้ พึงทราบว่า ท่านกำลังมีสภาพไม่ผิดอะไรกับภูเขาไฟ ลูกหนึ่งถ้าควบคุมไม่ได้ ก็อาจจะระเบิดออกมาได้ทุกขณะ จึงควรรีบแก้ไขดับร้อนนั้นเสียโดยเร็ว คือให้ดับไฟโลภด้วยการให้ ดับไฟโกรธด้วยการแผ่เมตตา ดับไฟหลงด้วยปัญญา และดับความหมองไหม้กระวนกระวายด้วยสมาธิโดยสรุปก็คือ ใช้เย็นดับร้อน ใช้ธรรมดับทุกข์ เหมือนใช้น้ำดับไฟ ก่อนที่จะระเบิดพินาศย่อยยับ เหมือนการระเบิดของภูเขาไฟฉันนั้น

..................................