วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557

คู่สร้างคู่สม


                 คงจำโฆษณาทางโทรทัศน์จากบะหมี่ยี่ห้อหนึ่งได้ เริ่มต้นด้วยหนุ่มสาวคู่หนึ่งทะเลาะกัน แล้วทั้งสองก็ไปบ้านพ่อ ตอนหนึ่งในขณะที่พ่อถือถ้วยบะหมี่กำลังจะกินได้พูดขึ้นว่า “ทะเลาะกันหรือลูก ชีวิตมันไม่สำเร็จรูปเหมือนบะหมี่หรอก” แล้วก็กินบะหมี่อย่างอร่อย เท่านั้นก็ทำให้หนุ่มสาวคิดได้ว่า ชีวิตคู่ย่อมต้องมีบ้างที่ไม่เข้าใจกัน เพราะไม่สำเร็จรูปเหมือนบะหมี่ โฆษณานี้จบลงด้วยความเข้าใจกันของทั้งสองฝ่าย ได้ทั้งสาระและความประทับใจในสินค้า
                การที่ชีวิตคู่จะประสบความสำเร็จได้ย่อมมีองค์ประกอบหลายอย่างรวมกัน ในทางพุทธศาสนาก็เล็งเห็นความสำคัญในข้อนี้ โดยมีหลักธรรมคือ คู่สร้างคู่สม สำหรับการดำเนินชีวิตของคู่สมรสไว้ เพื่อเป็นพื้นฐานอันมั่นคงที่จะทำให้ชีวิตคู่อยู่ครองกันได้ยืดยาว หลักธรรมนี้เรียกว่า สมชีวิธรรม มี ๔ ประการคือ
                ๑.ศรัทธาเคียงกัน (สะมะสัทธา) คือเคารพนับถือในลัทธิศาสนา สิ่งเคารพบูชา และหลักการต่างๆ ตลอดจนแนวความสนใจอย่างเดียวกัน หนักแน่นเสมอกัน หรือปรับเข้าหากันได้ลงกันได้
                ๒.ศีลมั่นเพียงใจ (สะมะสีลา) คือความประพฤติ ศีลธรรม จรรยา มารยาท พื้นฐานการอบรมพอเหมาะ สอดคล้องไปกันได้
                ๓.รู้ให้เหมาะสม (สะมะจาคา) มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ โอบอ้อมอารีมีใจกว้าง เสียสละ พร้อมที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันและเกื้อกูลผู้อื่น พอกลมกลืนไม่ขัดแย้งบีบคั้นกัน
                ๔.อุดมปัญญา (สะมะปัญญา) คือรู้เหตุรู้ผล เข้าใจกัน อย่างน้อยพูดกันรู้เรื่อง
                คู่ชีวิตที่ครองรักไปด้วยกันไม่ได้นั้น เพราะไม่รู้จักปรับตัวเข้าหากัน ต่างถือทิฐิเป็นใหญ่ สุดท้ายน้ำผึ้งจึงขม ชีวิตคู่จะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นกลมกลืนและมีความสุข ก็ด้วยการปฏิบัติตามหลัก  “คู่สร้างคู่สม” ที่ว่า ศรัทธากัน ศีลมั่นเพียงใจ รู้ให้เหมาะสม อุดมปัญญา หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ หลักธรรมอันเป็นศิลปะแห่งการครองชีวิตคู่นั่นเอง

..................................