วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ทำดี เอาดี


                พุทธภาษิตที่ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” นี้ยังมีคนเข้าใจความหมายผิดกันอยู่มาก โดยมักจะเข้าใจคำว่า “ทำดี ได้ดี” คือ ทำดีแล้วต้องร่ำรวย มั่งมีเงินทองเพราะสำคัญว่า ดี นั้น คือ ทรัพย์สินเงินทอง ผู้ที่เข้าใจว่าทำดีแล้วต้องรวยนั้น เมื่อตั้งใจทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และขยันหมั่นเพียรแต่ไม่รวยขึ้นตามประสงค์ ย่อมท้อแท้ใจ หมดกำลังใจ และอาจมองเห็นในมุมกลับว่า “ทำดีแต่ไม่ได้ดี” ไม่ใช่ “ทำดีได้ดี” เสียแล้ว
                การเข้าใจเรื่อง “ทำดีได้ดี” ให้ถูกต้องนั้น เบื้องต้นต้องรู้จักผลของความดีเสียก่อน ผลของความดีก็คือ ความสุขหรือความสบายใจ ความสุข ความสบายใจนั้น มิใช่หมายถึงความร่ำรวย และก็ไม่จำเป็นต้องเกิดจากความร่ำรวยเพียงอย่างเดียว เพราะผู้ที่มีเงินทองล้นเหลือแต่ไม่มี ความสุขกับเงินทองนั้นเลยก็มี อยู่เป็นอันมากและที่ต้องเดือดร้อนเป็นทุกข์เพราะความร่ำรวยนั่นเองก็มีอยู่มิใช่น้อย ความสุขคือ ความสบาย ได้แก่ความที่ไม่ต้องเดือดร้อนใจเพราะไม่ได้ทำความผิด ไม่ต้องมีผู้ปองร้ายเพราะไม่เป็นศัตรูกับใคร และมีใจสงบร่มเย็นเป็นนิตย์ เพราะสร้างแต่บุญกุศลคุณงามความดี เรื่องเหล่านี้จะซื้อหาด้วยทรัพย์สินไม่ได้ ขอแบ่งจากผู้ใดก็ไม่ได้ ทั้งนั่งรอนอนรอให้เกิดขึ้นเองก็ไม่ได้อีกเพราะเป็นผลซึ่งเกิดมาจากเหตุ และเหตุนั้นก็คือ การกระทำความดี กล่าวคือ การลงมือทำความดีเป็นเหตุ ความสุขเป็นผล คนแต่ก่อนท่านทำดีเอาดี คือ ประพฤติตนอยู่ในหลักแห่งศีลธรรมอันดี เพื่อหวังผลเป็นความสุขสบายภายหลัง ได้แก่สุขใจ ไม่ต้องเดือดร้อนใจ ไม่ใช่ทำดีเพื่อหวังลาภผลเป็นทรัพย์สินเงินทองหรือตำแหน่งฐานะ อย่างที่มักเข้าใจกัน การทำดีเป็นเครื่องให้เกิดความสงบใจ ส่วนการมุ่งทำดีเพื่อให้ได้ดี คือให้ได้ทรัพย์สินเงินทองเป็นของตอบแทน ไม่เป็นเครื่องให้สงบใจได้เพราะฉะนั้นจงควรทำดีเพื่อเอาดี อย่าทำดีเพื่อหวังทรัพย์สิน เมื่อตั้งใจทำดีเพื่อความดีแล้ว ก็จะเกิดความสุขความสบายใจ ทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า และความสุขเช่นนี้ก็มีค่ายิ่งกว่าทรัพย์สินเงินทองอย่างเทียบกันไม่ได้

.............................................