วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

การอธิษฐานเบิกบุญเก่า

การอธิษฐานเบิกบุญเก่าอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่รบกวนควรทำวันละร้อยหรือพันหรือหมื่นรอบ จนเขาพอใจ อาการป่วยของเราจะหายเร็วขึ้น
วิธีการให้บุญ แก่เจ้าหรรมนายเวรควรทำดังนี้เป็นตัวอย่าง เช่น คนป่วยเป็นมะเร็ง จุดไหนก็ให้ส่งบุญตรงบริเวณนั้นให้คิดว่า “บุญนี้ ให้นายเวรที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยตรง บริเวณที่เป็นมะเร็ง เมื่อได้รับบุญแล้วขอให้พวกเจ้ามีชีวิตทีดีขึ้นมีภพภูมิที่สูงขึ้น จงหลุดจากภาวะชีวิตชั้นต่ำเดี๋ยวนี้ เมื่อเราหายแล้วจะทำบุญให้แก่พวกเจ้า ส่งชีวิตของพวกเจ้าให้สูงขึ้นเรื่อยๆ พวกเจ้าจงเลิกจองเวรจองกรรมในเราเสียทีตั้งแต่นี้เราจะตั้งตนอยู่ในศีลในธรรมเลิกการเบียดเบียนเข่นฆ่าชีวิตสัตว์อื่นของส่งบุญที่เกิดจากการรักษาศีลนี้แก่พวกเจ้าด้วย” ดังนี้
ผู้มีอาชีพเกี่ยวเนื่องกับการฆ่าหรือเบียดเบียนสัตว์อื่น เช่น เจ้าของโรงฆ่าสัตว์ คนขายเนื้อสัตว์ ชาวประมง คนชายปลาสดตามตลาด เชือดไก่ขาย คนเหล่านี้ต้องสร้างบาปกรรมทุกวันๆ จึงก่อความเคียดแค้นชิงชังให้แก่สัตว์ที่ถูกฆ่าอยู่ทุกๆ ทุกวัน เขาก็พยายามจองล้างจองผลาญ แต่ในขณะที่บุญเก่าของผู้นั้นยังมีอยู่เจ้ากรรมนายเวรก็ทำอะไรไม่ได้ แต่หากว่านายเวรได้ช่องทางเมื่อไรวิญญาณสัตว์ที่เคียดแค้นเหล่านั้น (นายเวร) จะตามมาทวงและให้ร้ายทันที ดังนั้น ต้องพยายามไถ่ถอนกรรมของตัวด้วยการทำบุญ แล้วอุทิศให้วิญญาณสัตว์ที่ตัวเองฆ่าทำบ่อยๆ ส่งบ่อยๆ เอาเนื้อสัตว์ที่เราขายนั้น ทำอาหารถวายพระหรือเลี้ยงผู้อื่น อธิษฐานว่า “บุญนี้ให้สัตว์ทั้งหลายที่เราได้ฆ่าหรือผู้อื่นฆ่าเพราะคำสั่งเรา เหล่าสัตว์เหล่าใดได้รับบุญแล้วขอให้มีแต่ความสุขความเจริญ มีชีวิตวิญญาณที่ดีขึ้น จงหลุดพ้นจากกรรมเวรที่ตนเองสร้างไว้ จงมีภพภูมิที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นเทวบุตรเทวดาในสรวงสรรค์ เมื่อได้รับบุญแล้ว จงอโหสิกรรมให้เราด้วย อย่าได้จองเวรซึ่งกันและกันเลย เจ้าตายเพราะเราแต่ก็มีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะเรา ดีกว่าเจ้าตายเองหรือฝีมือผู้อื่นซึ่งมีชีวิตทุกข์ทรมาน”
การขับไล่ผีหรือคุณไสยออกจากร่างผู้ป่วย เอาของให้ทานแก่ผู้ทรงศีล จะเป็นพระหรือฆราวาสก็ได้ แล้วอุทิศบุญเจาะจงถึงผีในร่างผู้ป่วยขอให้ได้รับบุญนี้เมื่อได้รับบุญแล้วโปรดออกจากร่างกายผู้ป่วยเดี๋ยวนี้ถ้าไม่ยอมออก็ให้บ่อยๆ ให้สิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ให้เงินห้าบาท สิบบาท ให้กาแฟหนึ่งแก้ว โอวัลตินหนึ่งแก้ว ฯลฯ แล้วอุทิศได้ทั้งนั้น แต่ห้ามถวายของที่ผิดวินัยพระ
หลีกเลี่ยงการสวดมนต์เพื่อขับไล่วิญญาณ บทสวดมนต์แต่ละบทมีอำนาจขับไล่และเบียดเบียนวิญญาณในโลกทิพย์ให้ได้รับความเดือดร้อน ถ้าหยุดสวดไปเลยยิ่งดีจะได้ไม่ทำความเดือดร้อนให้กับภูตผีปิศาจ หรือวิญญาณต่อไปอีก เพราะเขาเหล่านั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น ก็เป็นญาติ พี่ น้อง ของเรานี่เอง ถึงแม้เป็นพี่ น้องกันก็ตามหากก่อกวนเขาบ่อยๆ ก็กลายเป็นนายเวรขึ้นมาได้ ฉะนั้นก็ยังไม่ต้องสวดถ้ายังใช้ไม่เป็น ก็เพียงแต่ กราบ...พุทโธ แล้วก็อุทิศว่า “บุญนี้อุทิศให้แก่เหล่าเทพที่ดูแลข้า” รักษาบ้านข้า กราบ...ธัมโม “บุญนี้ให้เหล่านายเวรข้าที่เดินทางมาถึงและที่กำลังเล่นงานข้าอยู่” กราบ...สังโฆ “บุญนี้ใหแก่เหล่าเปรตผีปีศาจ ผีสัตว์เดรัจฉานที่มีอยู่ในบริเวณบ้านเรือนของข้า” หรืหากต้องอุทิศไปให้ใครก็ให้คิดเอาได้เลย เมื่อได้กราบอย่างนี้แล้วต่อไปแทนที่จะสวดมนต์ก็ให้คิดอธิฐานเบิกบุญมาจ่าย จ่ายแล้วจ่ายเล่า รอบแล้วรอบเล่า อยู่อย่างนั้น จนกว่าถึงเวลาพักผ่อนหลับนอนจึงหยุด ถ้าทำได้อย่างนี้ความสุขสบายจะเกิดกับครอบครัวนั้นๆ แน่นอน ทุกวันนี้กลายเป็นว่าไปที่วัดไหนๆ ก็สอนให้สวดมนต์ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะครูบาอาจารย์เหล่านั้นไม่ได้เห็นว่าอานุภาพการสวดมนต์เป็นอันตรายแก่ผู้ที่เขาอยู่ในภพภูมิต่ำๆ หรือถ้าเห็นก็ไม่นำมาพูด เพราะต้องทำให้พูดมากอธิบายมาก เดี๋ยวคนโน้นก็ว่าครูบาอาจารย์ทำมา เดี๋ยวกว่าสวดแล้วดี ต่างๆ นานา ไม่อยากพูดก็เฉยเงียบไปเลย... อย่างนี้ก็มี
แต่หากผู้ใดจะต้องการสวดให้ได้ ก่อนสวดก็ให้ตั้งจิตคิดประกาศบอกเขาก่อนว่า “ภูตผีปีศาจชั้นต่ำทั้งหลาย บัดนี้เราจะสวดมนต์ใครชอบฟังเอาบุญ เอากุศลก็ให้ตั้งใจฟัง หากใครไม่ชอบหรือฟังแล้วทรมานก็ให้หลีกหนีไปที่อื่นจนกว่าเราจะสวดมนต์เสร็จแล้วจึงกลับมาเถิด” ดังนี้ ขอให้รู้ว่ายังมีผู้ที่เขาเดือดร้อนอยู่
การนิมนต์พระมาทำพิธีขับไล่ผีในบ้าน ไม่ถูกต้องด้วยประการทั้งปวงและควรงดให้เด็ดขาดเพราะวิญญาณนั้นเขาอยู่อาศัยที่นั้นมาก่อนเราอย่างสงบสุข หรือบางทีก็เป็นญาติที่เราเคารพรักมาก่อน ตายแล้วมีบุญน้อยก็เป็นภูตผีอาศัยอยู่ในบ้านนั้น บางตนมีความเดือดร้อน พยายามส่งกระแสความเดือดร้อนให้เรารู้สึกเพื่อจะได้ทำบุญส่งให้เขา แต่คนไม่เข้าใจคิดว่าเขาเบียดเบียนหลอกหลอน จึงนิมนต์พระมาสวดขับไล่ เมื่อเราไปทำพิธีขับไล่ เขายิ่งเดือดร้อนใหญ่จึงรวมตัวกลั่นแกล้งผู้คนในบ้านให้เดือดร้อนวุ่นวายกันมากขึ้น มีแต่เรื่องทะเลาะขัดแย้งกันเนืองๆ
สังเกตดู บ้านไหนที่มีคนถือวิชาอาคมสวดมนต์ไล่ผีบ่อยๆ คนในบ้านนั้นจะหาความรักความสามัคคีกันไม่ได้เลย พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา ทะเลาะขัดแย้งกัน “ต่อไปเมื่อมีเหตุเดือดร้อนกัน ควรทำบุญอุทิศให้เขา เมื่อเขาอยู่สุขสบายก็เลิกรบกวนเรา” แล้วจะกลับเป็นเทวดาชั้นดีที่คอยปกปักรักษาเราต่อไป
หลีกเลี่ยงการติดผ้ายันต์กันภูตผีในบ้าน หรือการพกพาเครื่องรางของขลังที่เบียดเบียนวิญญาณชั้นต่ำ เพราะสิ่งเหล่านี้กระทบกระเทือนถึงวิญญาณให้ได้รับความเดือดร้อนและเครียดแค้นอันจะส่งผลให้เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรจองล้างจองผลาญเราไม่มีที่สิ้นสุด โดยที่เราไม่รู้ตัว หากใครมีผ้ายันต์ เหรียญหรือเครื่องรางปลุกเสกต่างๆ ก็ให้นำมาคลายมนต์ออก ด้วยการอธิฐานว่า “ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จงบันดาลให้อำนาจเวทมนต์หรืออำนาจต่างๆ ที่อยู่กับสิ่งของเหล่านี้จงหมดฤทธิ์ หมดอำนาจไปด้วยเถิด” บ้านใครที่มีผ้ายันต์หรือสายสิญญ์ก็ให้แกะออกแล้วนำมาอธิฐานคลายมนต์ออกแล้วไปเผาไฟทิ้งเสีย จะได้ไม่เป็นอันตรายกับผู้อื่นอีกเพราะบ้านเรือนเคหะสถานไม่ใช่เป็นที่อยู่เฉพาะของคนในโลกนี้เพียงอย่างเดียวแต่เป็นที่อยู่ของผู้ที่อยู่ในอีกมิติหนึ่งที่เรามองไม่เห็น จึงไม่ควรเห็นแก่ตัวว่าเป็นที่อยู่ของเราแต่เพียงผู้เดียว ควรอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข พวกวิญญาณต้องอาศัยบุญกุศลถึงอยู่ได้ ถ้าได้รับบุญจากมนุษย์ผู้อาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินเดียวกันเขาย่อมพึงพอใจ และจะรักษามนุษย์ให้มีความสุขความเจริญ แม้พระพุทธเจ้าพุทธโคดม ก็ตรัสสอนไว้ใน “เทวตาทิสสทักขิณานุโมทนา” ว่า
ยัสมิง ปะเทเส กัปเปติ วาสัง ปัณฑิตะชาติโย
สีลวันเตตถะ โภเชตะวา สัญญะเต พรหมะจาริโน
ยา ตัตถะ เทวตา อาสุง ตาสัง ทักขิณะมาทิเส
ตา ปูชิตา ปูชะยันติ มานิตา มานะยันติ นัง
ตะโต นัง อนุกัมปันติ มาตา ปุตตังวะ โอระสัง
เทวะตานุกัมปิโต โปโส สะทา ภัทรานิ ปัสสติ
แปลว่า ผู้ฉลาดชาติบัณฑิต เมื่ออาศัยอยู่ ณ สถานที่แห่งใด ควรเชื้อเชิญผู้ทรงศีลเข้าไปเลี้ยงดูในสถานที่แห่งนั้น แล้วอุทิศบุญให้แก่เทวดาผู้อาศัย ณ สถานที่แห่งนั้น เทวดาเมื่อได้รับการบูชาแล้วย่อมบูชาตอบ คือ ทำความอนุเคราะห์ช่วยเหลือผู้อุทิศบุญให้แล้วนั้นเหมือนบิดามารดา ผู้รักบุตรย่อมอนุเคราะห์บุตร ผู้ใดได้รับการช่วยเหลือจากเทวดาแล้ว ย่อมประสบแต่ความเจริญรุ่งเรืองอยู่เป็นนิจ